นครพนม คนรักลุงป้อมแห่รับ บิ๊กป้อม ลงพื้นที่มอบนโยบาย ยกนครพนมเป็นโมเดล ติวเข้มหน่วยงานความมั่นคง 7 จังหวัดชายแดน ยอมรับยาบ้าราคาถูก ห่วงระบาดหนัก เป็นภัยสังคม สั่งเพิ่มมาตรการเข้มสกัดแนวชายแดน สร้างความร่วมมือชุมชน คัดกรองผู้เสพ ผู้ค้า ขยายผลยึดทรัพย์ ตัดวงจรการค้า เดินหน้ามอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน พื้นที่ป่าสงวน ด้าน สหายแสง นำ สหายไพรัช แกนนำ อดีตสหาย ทวงสัญญาชายชาติทหาร เรียกร้องรัฐบาลช่วยออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน อดีตหมู่บ้านคอมมิวนิสต์ กว่า 100 ราย รอนานมาเกือบ 40 ปี ไม่คืบ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2565 ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะทำงานประกอบด้วย พลเอกชาญชัย ช้างมงคล พลเอกณัฐ อินทรเจริญ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุริยน พัชรครุกานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ นายศุภชัย โพธิ์สุ (ครูแก้ว) ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหารือมอบนโยบาย รับทราบปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการปราบปรามยาเสพติด รวมถึงสั่งการให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง ในพื้นที่ 7 จังหวัดตามแนวชายแดน ภาคอีสาน ร่วมกันเพิ่มมาตราการเข้ม ในการสกัดกั้นปราบปรามจับกุมยาเสพติด รวมถึงสร้างความร่วมมือกับชุมชน ในการคัดกรอง ผู้เสพ ผู้ค้า ขยายผลยึดทรัพย์ นำเข้าสู่ระบบการปรามปรามจับกุม ดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด เพื่อลดการแพร่ระบาด
ทั้งนี้ทางด้าน นายชาญชัย คงทัน รอง ผวจ.นครพนม ได้บรรยายสรุปข้อมูลดำเนินการปราบปรามจับกุม เครือข่ายค้ายาเสพติด ในรอบปีที่ผ่านมา ถึงปัจจุบัน โดยพื้นที่ จ.นครพนม มีการดำเนินโครงการยุทธการฟ้าสางริมฝั่งโขง เข้าตรวจสอบจับกุม คัดกรอง ผู้เสพ ผู้ค้า ดำเนินคดี ผู้ต้องหา มากกว่า 3,800 ราย มีการตรวจยึดยาบ้า มากกว่า 11 ล้านเม็ด กัญชากว่า 10 ตัน ขยายผลยึดทรัพย์มากกว่า 40 ราย รวมเป็นเงินมากกว่า 7 ล้านบาท พร้อมสร้างความร่วมมือชุมชน ดำเนินโครงการต่อเนื่อง ในครั้งนี้ มีผู้แทนหน่วยงานความมั่นคง ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนอีสาน รวมถึงผู้นำชุมชนท้องถิ่น ร่วมรับมอบนโยบาย ตลอดจนชาวบ้านกลุ่มคนรักลุงป้อม สวมเสื้อ เรารักลุงป้อม ให้การต้อนรับ
จากนั้น ทางด้าน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะทำงาน ได้ลงพื้นที่ไปที่ หอประชุม โรงเรียนโพนสวรรค์ราษฎร์พัฒนา ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เพื่อประกอบพิธี มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 3 แปลง ประกอบด้วย ป่าห้วยศรีคุณ ป่าดงเซกาแปลงที่สอง ระยะที่ 1 และ ป่าดงเซกาแปลงที่สอง ระยะที่ 2 เนื้อที่รวม 53,661 ไร่ 1 งาน 39 ตารางวา พร้อมทั้งมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่จังหวัดนครพนม ให้กับประชาชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงเซกาแปลงที่สอง ระยะที่ 1 จำนวน 338 ราย โดยมีผู้แทนประชาชน จำนวน 5 ราย เป็นตัวแทนรับมอบ มีนายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รอง ผวจ.นครพนม นำข้าราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธี พร้อมรับมอบนโยบายเกี่ยวกับการดำเนินการเร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์ให้กับประชาชน ได้เข้าดำเนินการ ทำอาชีพการเกษตร ในพื้นที่ป่าสงวน รวมถึงการจัดสรรที่ดินทำกิน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ยั่งยืน พัฒนาคุณภาพชีวิต ประชาชน ในนาคต รวมถึง พัฒนาด้านสาธารณูปโภคทุกด้าน
ขณะเดียวกัน ทางด้าน นายศุภชัย โพธิ์สุ (ครูแก้ว) สหายแสง ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ได้นำ นายเข็มพร เชื้อตาหมื่น อายุ 68 ปี พร้อมตัวแทนชาวบ้าน ชาติพัฒนาชาติไทย หมู่ 7 ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นคพรนม นำหลักฐานเข้ายื่นร้องเรียน ต่อ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ เพื่อดำเนินการเร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์ ที่ดินทำกิน ที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานทหาร ตามคำสั่ง 66/2523 หลังขอความร่วมมือกลุ่มสหาย คอมมิวนิสต์ วางอาวุธออกจากป่า มานานเกือบ 40 ปี พร้อมจัดสรรที่ดินทำกิน แต่ยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิ์ รวมกว่า 100 ครัวเรือน เนื้อที่กว่า 1,500 ไร่ พร้อมทวงสัญญาชายชาติทหาร ให้แก้ไขปัญหาเร่งด่วน
ด้าน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดนครพนม บรรยายสรุป เรื่องการแก้ปัญหายาเสพติด ขอชื่นชมการทำงานของ จ.นครพนม ให้ทุกจังหวัดนำเป็นตัวอย่าง ทุกภาคส่วนช่วยเหลือกัน ช่วยบูรณาการ แก้ปัญหา เพราะปัจจุบันถือว่า รุนแรงมากขึ้น จากปกติยาบ้าราคาเม็ดละ 100 -200 บาท เหลือเม็ดละ 10-20 บาท ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน รวมถึงทหาร ฝ่ายปกครอง ชุมชน ให้ประชาชนรับรู้ถึงพิษภัยยาเสพติด เพราะดูจากสื่อทุกวันนี้เป็นมหันตภัยร้ายแรง ขอมอบนโยบาย หน่วยงานทุกระดับ ทำความเข้าใจประมวลกฎหมายกับยาเสพติด ให้มีประสิทธิภาพ เตรียมความพร้อมรองรับแผนปฏิบัติชัดเจนแก้ปัญหา การใช้กฎหมายใหม่ มีการทำงานเป็นรูปธรรมชัดเจน ต้องนำประมวลกฎหมายยาเสพติดไปใช้แก้ปัญหา เจ้าหน้าที่จะต้องไม่เกี่ยวข้อง หากพบต้องถูกลงโทษ และทำงานแก้ปัญหาจริงจัง เพื่อประเทศชาติ สำคัญที่สุดจะต้องหาทางไม่ให้ ผู้เสพ ผู้ค้า ที่พ้นโทษ หรือผ่านการ บำบัดกลับไปทำผิดซ้ำอีก และต้องมีอาชีพรองรับ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเข้าถึงประชาชนให้รับรู้ภัยยาเสพติด รวมถึงสร้างความร่วมมือภาคประชาชน มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ให้ยั่งยืน.