“บิ๊กป๊อก-เสี่ยหนู” ย่องเงียบเข้า “กระทรวงกลาโหม” พบ “บิ๊กตู่” อ้างส่องพระ

“บิ๊กป้อม” ยังฟิตสั่งงานจากมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ขยับไปดูน้ำที่แปดริ้ว พร้อมสั่งยกเครื่องทีมพีอาร์ พปชร. “บิ๊กป๊อก-เสี่ยหนู” ดอดเข้ากลาโหมพบ “บิ๊กตู่” “อนุทิน” อ้างไปส่องพระ แย้ม “ลุงตู่” ฝากให้ช่วยงาน “ลุงป้อม” ชี้สภาพรัฐบาลถ้ายุบสภาคือเป็ดง่อย เลี่ยงปะทะนายเก่าผู้มีบุญคุณ ตีปาก “ศุภชัย” เปิดศึกหมอชนบท “ทักษิณ” สอน “น้องตู่” คืนอำนาจประชาชนดีสุด รู้จักพอ ถอยตอนนี้จะดูหล่อ ใจกว้าง พร้อมให้เช่าบ้านหากต้องลี้ภัย ฝ่ายค้านแนบความเห็น 51 คณาจารย์นิติศาสตร์ ปม 8 ปีให้ศาล รธน. ป.ป.ช.ฟัน “ขุนค้อน” ดันนิรโทษฯสุดซอย พร้อมเชือด 3 อดีตนายก อบจ.ตระกูลดัง “ไบร์ท” โล่งไม่ถูกเพิกถอนประกัน

สายสัมพันธ์ในขั้วอำนาจ 3 ป. ยังคงถูกจับตามอง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯชั่วคราว ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รักษาราชการแทนนายกฯ เพิ่งออกคำสั่งแก้ไขคำสั่งเดิม เพื่อให้มีอำนาจเต็มในการบริหารงาน

“บิ๊กป้อม” สั่งงานจากป่ารอยต่อฯ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 31 ส.ค. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (ร.1 ทม.รอ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ครั้งที่ 8 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ประชุมมีมติรับทราบรายงานผลการแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 11 ณ ประเทศอินโดนีเซีย รายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณ งบลงทุนและเงินสำรองของ กกท. ปี 2565 พล.อ.ประวิตรกล่าวชื่นชมนักกีฬาคนพิการ และผู้เกี่ยวข้องที่ร่วมสนับสนุนศักยภาพนักกีฬาคนพิการ สามารถสร้างผลงานดีขึ้นต่อเนื่อง กำชับ กกท.สนับสนุนการนำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยพัฒนาประสิทธิภาพนักกีฬา และนักกีฬาคนพิการทุกชนิด พร้อมเน้นย้ำ กกท.ให้ความสำคัญกับการพัฒนากีฬาระดับจังหวัดมากขึ้น รวมทั้งการจัดหารายได้นอกงบประมาณมากขึ้น และเร่งรัดบริหารจัดการงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยวันที่ 1 ก.ย. พล.อ.ประวิตรมีกำหนดลงพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ติดตามสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ

สั่งยกเครื่องทีมพีอาร์ พปชร.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงนามคำสั่งพรรคพลังประชารัฐ ที่ 115/2565 ตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ แต่งตั้งทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าเพื่อให้การบริหารงานของพรรค และหัวหน้าพรรค เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุตามอุดมการณ์ วัตถุประสงค์และนโยบายของพรรค แต่งตั้ง น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ เป็นทีมโฆษกพรรค ตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.เป็นต้นไป

“ป๊อก-หนู” ดอดเข้า กห.พบ “ตู่”

ต่อมาเวลา 12.53 น. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยแพร่ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยถ่ายร่วมกันที่โต๊ะห้องทำงาน พล.อ.ประยุทธ์ ที่กระทรวงกลาโหม พร้อมระบุว่า ช่วงเช้าวันที่ 31 ส.ค.พล.อ.ประยุทธ์ประชุมหารือข้อราชการร่วมกับนายอนุทินและ พล.อ.อนุพงษ์ ถึงสถานการณ์ต่างๆในปัจจุบัน และเรื่องที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการตามนโยบาย

“ลุงตู่” ฝากช่วยงาน “ลุงป้อม”

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่กระทรวงกลาโหมว่า เข้าไปตรวจอาการต่อเนื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์มีสะเก็ดที่บริเวณหลังฝ่ามือ เกิดจากการแพ้ที่คาดว่าจะมีการเกา มีอาการตั้งแต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้พาแพทย์ด้านผิวหนังจากสถาบันโรคผิวหนังเข้าไปตรวจอาการ ยืนยันไม่มีอะไร อาการดังกล่าวหายแล้ว เมื่อถามว่ามีการพูดคุยถึงสถานการณ์การเมืองหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไม่มีอะไร เพียงแต่ร่วมทานมื้อเที่ยงกะเพราไก่ไข่ดาว เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ฝากอะไรหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า พล.อ.ประยุทธ์ถามถึงการประชุม ครม. ท่านก็ฟังอยู่ด้วย ไม่มีฝากเรื่องอื่น เรื่องการเมือง บอกให้ช่วยกันประคับประคองดูแลรัฐบาล ช่วย พล.อ.ประวิตรในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่าคุยเรื่องการทำงานของ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า “ไม่ได้คุยเลย ไปส่องพระกัน”

หยอดบ้านป่ารอยต่อฯก็เข้า

เมื่อถามว่ากลัวภาพออกมาจะถูกนำไปเชื่อมโยงประเด็นการเมืองหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า อย่าผูกอะไรไปถึงอันนู้น ถ้ามีใครมาหาตนตอนใกล้เที่ยงก็ต้องชวนทานข้าวเท่านั้นเอง เมื่อถามอีกว่ากลัวภาพจะออกมาว่าสนิทกับ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ มากกว่า พล.อ.ประวิตรหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า คิดอย่างนั้นไม่ได้ ยังเข้าไปบ้านป่ารอยต่อฯตั้งหลายครั้ง เวลา พล.อ.ประวิตรเรียกไปหารือ หรือมีโอกาสอะไร สมมติช่วงอภิปรายงบประมาณบางทีก็ไปขอรับฟังว่าพรรคพลังประชารัฐคิดยังไงหรือไปแจ้งว่าพรรคภูมิใจไทยทำอย่างนี้

ชี้ยุบสภารัฐบาลเป็นเป็ดง่อย

นายอนุทินยังกล่าวถึงกระแสข่าวยุบสภาว่า ต้องดูวัตรปฏิบัติของทั้ง ส.ส. และหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ ล้วนทยอยลงพื้นที่ แสดงว่าทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง เมื่อถามว่ามีการเตรียมการหรือไม่ หากมีการยุบสภาจะเปิดโอกาสให้รักษาการได้เป็นระยะเวลายาวจนถึงการประชุมเอเปก นายอนุทินตอบว่า เป็นไปไม่ได้ เมื่อยุบสภาแล้วสภาพรัฐบาลก็เหมือนเป็ดง่อย รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องมีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน ไม่เกิน 60 วัน ดังนั้นอย่าไปคิดฉากทัศน์อะไรที่อยู่นอกเหนือกฎหมายกำหนด หากเลือกตั้งไม่ได้ภายใน 60 วันถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องมีผู้รับผิดชอบ ถ้ายุบสภาแล้วต้องไปรับแขกบ้านแขกเมือง ต้องสงสารผู้นำใครเขาจะอยากมาคุยกับเรา จะได้ผลอะไรจากการเจรจา แต่ถ้าต้องยุบก็คือยุบ ยุบแล้วสิ่งที่ทุกคนควรทำคือจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด เพื่อให้มีรัฐบาลเท่านั้นเอง อย่าไปโยงอะไรเยอะแยะ

เลี่ยงปะทะนายเก่าผู้มีบุญคุณ

เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวผ่านรายการ CARE Talk พาดพิงว่านายอนุทินเชื่อถือไม่ได้ ตอนแรกยืนยันไม่สนับสนุนเผด็จการสืบทอดอำนาจ แต่กลับสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ นายอนุทินตอบว่า “ท่านชมต่างหาก อย่างผมนี่ถ้ารุ่นใหญ่อย่างนี้เอ่ยชื่อ ผมดีใจตายเลย ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาผมนะ ผมพึ่งพามาตลอดได้เป็นรัฐมนตรีเพราะท่านนี่แหละ ฉะนั้นไม่ต้องมาถาม ผู้ใหญ่พูดถึงผู้ใหญ่ว่า ก็ถือเป็นคำสั่งสอน ต้องมาดูตัวเราว่าเป็นตามที่เขาพูดไหม ยังคิดวันดีๆในอดีต คิดถึงบุญคุณที่นายทักษิณเคยมีให้ เชื่อว่าหากไม่มีเรื่องการเมือง ท่านยังเอ็นดูผมอยู่เหมือนเดิม โลกนี้คือละคร” เมื่อถามว่าสมัยหน้ามีโอกาสร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ประชาชนเป็นคำตอบของทุกอย่าง

ตีปาก “ศุภชัย” เปิดศึกหมอชนบท

ผู้สื่อข่าวถามว่านายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ประกาศเปิดศึกชมรมแพทย์ชนบท นายอนุทินรีบแย้งว่า ไม่ใช่ พูดคำนี้ได้อย่างไร ภูมิใจไทยจะไปรบกับใคร ไม่มี ถ้าเป็นจริงต้องไปตักเตือน และขอโทษไปยังชมรมแพทย์ชนบทด้วย ถ้านายศุภชัยพูดอย่างนั้นจริง ขอให้ถือว่าไม่ได้พูดเพราะไม่ใช่หัวหน้าพรรค เมื่อถามว่าต้องทำความเข้าใจกับนายศุภชัยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ถ้าเขาพูดในนามพรรคไม่ได้ ต้องเป็นฉันทานุมัติของพรรค คิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า ยืนยันไม่ไปทำสงครามกับใครทั้งสิ้น ถ้าลูกพรรคพูดอย่างนั้นจริงซึ่งต้องขออภัยด้วย เมื่อถามว่า ส.ส.ประชาธิปัตย์ขู่จะถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลกังวลหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ช่วงนี้คือโค้งสุดท้ายของรัฐบาล ของสภา

ฉุนจ้องตีนโยบายกัญชาเสรี

ก่อนหน้านี้ช่วงเช้า นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย แถลงว่า ตามที่เพจชมรมแพทย์ชนบทบิดเบือนให้ข้อมูลอันเป็นเท็จเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงนโยบายของพรรคมาตลอด ชมรมแพทย์ชนบทไม่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แต่มักอ้างเป็นตัวแทนของแพทย์ โดยที่แพทย์ของ สธ.เองก็ไม่ยอมรับ เพราะเป็นชมรมที่มีมุ่งหมายทางการเมือง ไม่ใช่การพัฒนาวิชาการทางการแพทย์ มีความพยายามบิดเบือนกล่าวหานโยบายกัญชาเสรี วันนี้ชมรมแพทย์ชนบทกำลังใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางที่ผิด พรรคเตรียมดำเนินคดีทุกคดี “นับจากนี้ภูมิใจไทยขอเปิดศึกกับชมรมแพทย์ชนบท เรามาสู้กัน”

“ทักษิณ” แนะคืนอำนาจ ปชช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 ส.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวผ่านรายการ CARE • แคร์ คิด เคลื่อน ไทย “ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่…แล้วไงต่อ?” ระบุถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯชั่วคราว จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเรื่องวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี ว่า ไม่เหนือความคาดหมาย เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการต่อสู้แม้ดูเหมือนเป็นพี่เป็นน้องกัน ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยมีปัญหา พล.อ.ประยุทธ์ใช้เงินงบประมาณมากกว่านายกฯทั้ง 28 คน ถือเป็นความสามารถพิเศษ รัฐบาลนี้ไม่คิดจะทำอะไรนั่งอยู่ไปวันๆ ถามว่าจะอยู่ต่อไปอย่างไร ต้องแนะนำว่าถึงเวลาคืนการตัดสินใจให้ประชาชนแล้ว ไม่ต้องมานั่งเถียงกัน ระหว่าง ป.นั้น ป.นี้ เพราะไม่ว่ากี่ ป.ก็ล้มเหลวหมด ฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ถึงหลักในการคิดทบทวนว่าจะอยู่ต่อได้หรือไม่ เริ่มจากหลักนิติธรรม หรือหลักนิติศาสตร์ กฎหมายเขียนชัดเจนว่า 8 ปี ตอนนี้อยู่ได้ถึง 8 ปี รู้สึกสนุกอยากอยู่ต่อ ยิ่งมีศรีธนญชัยมาช่วยตะแบงจึงกลายเป็นปัญหาสังคม

รู้จักพอถอยตอนนี้ดูหล่อกว่า

นายทักษิณกล่าวว่า จากกับดักที่วางไว้ล่อคนอื่น วันนี้กลับโดนเสียเอง อีกหลักคือหลักรัฐศาสตร์ เป็นหลักเพื่อประโยชน์ประชาชน ประโยชน์ของบ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์อย่าถามแต่คนข้างตัวให้ถามคนส่วนใหญ่ที่วันนี้ไม่มีใครต้องการแล้ว อยากให้พอแล้ว ผลสำรวจจากทุกโพลก็บอกให้พอแล้ว คนเราต้องรู้จักพอ และหลักที่ 3 คือ หลักจริยธรรม เป็นหลักสำคัญที่ผู้นำต้องแคร์ “ถ้าผมเป็น พล.อ.ประยุทธ์จะไม่รอศาลตัดสิน เพราะถอยแล้วหล่อกว่า อย่างน้อยเดินถนนยังมีคนทักทาย แต่ถ้าเมื่อไรที่ศาลตัดสินแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับไปทำงานใหม่พูดได้เลยว่า วันนั้นจะเป็นวันที่จะไม่มีความสุขในชีวิตเลย เชื่อผมเถอะ พูดในฐานะรุ่นพี่และโดนมาทุกอย่าง ทุกรูปแบบ คนเราอย่าไปยึดติด อายุเยอะแล้ว ไม่รู้ยมบาลจะเอาไปเมื่อไร ที่ผ่านมาถือว่าได้ทำงานให้บ้านเมืองมาพอสมควรแล้ว”

ใจกว้างให้ “บิ๊กตู่” เช่าบ้านลี้ภัย

เมื่อถามถึงจุดจบทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์จะโดนเช็กบิลหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรไม่รักก็ต้องรักกัน เพราะ พล.อ.ประวิตรเป็นรุ่นพี่ที่ พล.อ.ประยุทธ์นับถือมานาน แต่ตอนหลังอาจมีขัดใจกันบ้าง แต่เพื่อสังคมต้องคุยกันไว้ ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์จะโดนเช็กบิลหรือเปล่า ต้องถาม พล.อ.ประวิตร เพราะเป็นคนคัดสรรคนไปลงในองค์กรอิสระเยอะแยะไปหมด ดูยาก เมื่อถามถึงโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์จะลี้ภัย หรือโดนบีบให้ออกจากประเทศ นายทักษิณตอบว่า ตอบยาก เพราะความเป็นธรรมบ้านเรามันหายาก แต่ถ้าต้องมาก็มาเช่าบ้านตนอยู่ได้ แล้วตนจะกลับไปแทน เมื่อถามถึงโอกาสที่จะเกิดการรัฐประหาร นายทักษิณตอบว่า คิดว่ายากขึ้นเรื่อยๆเพราะประชาชนเจ็บปวดมานานมาก 10 กว่าปีเกิดการรัฐประหาร 2 ครั้ง ครั้งนี้เป็นการสอนบทเรียนให้ประชาชนได้ดี ว่า 8 ปีช้ำมาก ช้ำทั้งประเทศ ช้ำทั้งประชาชน

ปิดประตูจับมือพลังประชารัฐ

นายทักษิณกล่าวอีกว่า ที่มีการพูดกันว่าพลังประชารัฐจะจับมือกับเพื่อไทยนั้น ถามว่าจะจับกันอย่างไร มองไม่ออก มองจากหลักการ อุดมการณ์ ทางการเมือง วันนี้ยังมองไม่ออกว่าเขาจะจับกันอย่างไร บางคนแต่งนิยายว่า พล.อ.ประวิตรกับตนคุยกันทุกวัน ในฝันยังไม่เคยฝันถึงเลย เราจะคุยกันตอนไหน ตั้งแต่เป็นรัฐบาลมา พลังประชารัฐสัญญาไว้เยอะแยะวันนี้ทำไม่ได้สักข้อ พล.อ.ประวิตรเข้ามาคงไม่มีศักยภาพพอ เพราะเงินเหลือน้อยลง เงินในพรรคอาจจะเยอะ แต่งบประมาณอาจน้อยคงแก้ปัญหาไม่ได้ แต่คนที่จะเข้ามาเพื่อไทยมีมากกว่าคนที่ออกไปโดยที่ไม่ต้องใช้กล้วย ใช้ผลงานเก่าๆที่ชาวบ้านเชื่อถือเป็นหลัก เลือกตั้งคราวหน้าทุกพรรคจะแจกกันแหลก แต่ชาวบ้านจะเลือกอนาคตว่าใครแก้ปัญหาให้เขาได้ เลือกตั้งคราวหน้าจะสอนบทเรียนการเมืองสไตล์เก่าอย่างสิ้นเชิง กรณี น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พาดพิงว่านายกฯเถื่อนอยู่ดูไบ ว่า เป็นการพูดที่ปากและสมองไม่เชื่อมกัน ปัจจุบันไม่ใช่นายกฯจะเป็นนายกฯเถื่อนได้อย่างไร “อดีตคืออดีต อุตส่าห์เรียนหนังสือมาดี หน้าตาก็โอเค พ่อแม่ก็ชาติตระกูลดี ไม่น่าพูดแบบนี้ สงสัยไปฝึกเรียนพูดมาจากปารีณา (น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์)”

“ทิพานัน” เต้นตอบโต้ “ทักษิณ”

ด้าน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายทักษิณอาจสะเทือนใจกับคำว่า “นายกฯเถื่อน” และเข้าใจว่าเรื่องโกงจำนำข้าวคงติดอยู่ในจิตใต้สำนึก ส่วนการกล่าวพาดพิงถึง พล.อ.ประยุทธ์ว่าหากต้องลี้ภัยให้ไปเช่าบ้านได้นั้น ต้องบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ตั้งใจทำประโยชน์ให้ประเทศชาติด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่จำเป็นต้องลี้ภัย ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ใช่ปัญหาที่ผู้นำไม่เคารพกฎหมาย หรือไม่มีจริยธรรม เอามาเปรียบเทียบกับการไร้จริยธรรมและการทุจริตคอร์รัปชันหนีคดีไม่ได้ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ก็ยังดำเนินชีวิตตามปกติได้ เพราะเป็นเพียงการกำหนดวาระตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่วาระสุดท้ายแบบใครบางคน

ฝ่ายค้านส่งข้อมูลเพิ่มเติม

ช่วงบ่ายที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมหัวหน้า 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นหนังสือคำร้องถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่าน นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ ขอให้ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมไปยังศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าพยานบุคคล 2 คน คือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และนายปกรณ์ นิลประพันธ์ อดีตเลขานุการกรธ. ไม่เพียงพอที่จะสร้างดุลยภาพพิจารณาคดี จึงส่งหลักฐานและเอกสารเพิ่มเติมประกอบการพิจารณา คือ 1.ความเห็นของนักวิชาการที่เป็นอาจารย์นิติศาสตร์ 51 คน และเคยทำหนังสือถึงประธานศาลรัฐธรรมนูญด้วย 2.แผ่นดีวีดีบันทึกภาพและเสียงจำนวน 1 แผ่น เนื้อหาเกี่ยวกับการสัมภาษณ์พิเศษนายพรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อาจารย์นิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ที่ได้ให้ข้อมูลไว้เป็นหลักฐานเพิ่มเติม

“องอาจ” ไม่เชื่อยึดคืน กษ.–พณ.

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ากรณี ส.ส.ภาคใต้พรรคพลังประชารัฐ เสนอให้ยึดคืนโควตากระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ จากประชาธิปัตย์ว่า เป็นเรื่อง ส.ส.คนหนึ่งที่เสนอความเห็นให้ผู้มีอำนาจพิจารณา แต่เชื่อว่าผู้มีอำนาจคงไม่เต้นตาม ตลอดเวลาที่ประชาธิปัตย์ทำงานเป็นส่วนหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาล มีผลงานระดับหนึ่ง ส่วนความสัมพันธ์กับพรรคแกนนำรัฐบาล ไม่มีปัญหาอะไร ร่วมมือกันทำงานไปได้ราบรื่น ขณะนี้ใกล้ที่สภาจะครบวาระมีการเลือกตั้งใหม่ อาจมีการเคลื่อนไหวของ ส.ส.บางคนให้เป็นสีสัน แต่พรรคไม่ได้วิตกกังวลอะไร ยังมุ่งมั่นทำงานตามนโยบายที่ประกาศไว้ จึงไม่เชื่อว่าจะไม่มีการยึดคืนโควตา 2 กระทรวงนี้ เพราะผู้มีอำนาจในรัฐบาลน่าจะทราบดีว่าถ้ายึดคืนจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ป.ป.ช.ฟัน “ขุนค้อน” ดันสุดซอย

วันเดียวกันเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีร่วมกันกับพวก 42 รายใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ทำผิดข้อบังคับการประชุมสภาฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน (พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย) ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือโดยมิชอบ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 213/1 นายสมศักดิ์ไม่ทำหน้าที่ตามระเบียบข้อบังคับสภาฯเร่งรีบผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย รวมถึงไม่ส่งร่าง พ.ร.บ.ที่มีการโต้แย้งอาจเข้าข่ายกฎหมายการเงิน เพราะมีการจ่ายชดเชยเยียวยาการนิรโทษกรรม แต่นายสมศักดิ์ไม่ส่งให้หน่วยงานอื่นพิจารณา ปัจจุบันได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดแล้ว

เชือด 3 อดีตนายก อบจ.ดัง

นายนิวัติไชยกล่าวว่า ป.ป.ช.ยังมีมติชี้มูลความผิดนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 3 ราย คือ นางรัชนี พลซื่อ เมื่อครั้งเป็นนายก อบจ.ร้อยเอ็ด กรณีร่วมกับพวกทุจริตโครงการจัดซื้อหนังสือและสื่อการเรียนการสอน แจกจ่ายให้โรงเรียน ห้องสมุดประชาชน แหล่งเรียนรู้เยาวชนและชุมชน ระหว่างปี 2548-2551 นายพรชัย โควสุรัตน์ เมื่อครั้งเป็นนายก อบจ.อุบลราชธานี กรณีทุจริตประกวดสอบราคาจัดซื้อรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ พร้อมอุปกรณ์กู้ชีพกู้ภัย เอื้อประโยชน์ให้เอกชนผู้เสนอราคา และนายนวพล บุญญามณี เมื่อครั้งเป็นนายก อบจ.สงขลา กับพวก กรณีดำเนินโครงการส่งเสริมพัฒนาสุขภาพประชาชน จ.สงขลา โครงการตรวจสุขภาพผู้สูงอายุ จ.สงขลา ระหว่างปี 2551-2552 เอื้อประโยชน์แก่สถานพยาบาล จัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ นอกจากนี้ยังชี้มูลความผิดเอกชนที่เป็นสถานพยาบาล ฐานร่วมกันสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทุจริตต่อการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐด้วย

เซ็งมติ ป.ป.ช.เสื่อมมนตร์ขลัง

นายนิวัติไชยกล่าวถึงผลการดำเนินงานของป.ป.ช.ระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ค.2565 ว่า 7 เดือนแรกปี 2565 ป.ป.ช.มีมติลงโทษทางวินัยแก่ผู้ถูกกล่าวหา 260 เรื่อง แต่พบว่าผู้บังคับบัญชาพิจารณาลงโทษทางวินัยแค่ 118 ราย ลงโทษผิดวินัยร้ายแรง 84 ราย ผิดวินัยไม่ร้ายแรง 34 ราย ที่เหลือ 142 ราย ไม่ลงโทษทางวินัย ในจำนวน 142 รายนี้พบว่าอยู่ทำงานจนเกษียณ หรือลาออก 74 ราย ไม่ถูกตัดสินโทษทางวินัยเลยจนถึงปัจจุบัน 39 ราย ถือเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ยังไม่มีทางออก เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่า ป.ป.ช.พิจารณาขัดหลักข้อกฎหมายเรื่องการไต่สวนทางวินัย เพราะตามกฎหมายเดิม 5 ฉบับยังไม่มีการแก้ไข ปัจจุบันแก้ไขหมดแล้วแต่เอาผิดย้อนหลังไม่ได้ ป.ป.ช.ทำเรื่องถึงนายกฯส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า ไม่สามารถลงโทษทางวินัยได้ ป.ป.ช.เคยมีความเห็นแย้งไปยังกฤษฎีกาแล้ว เพราะลงโทษไม่ตรงกัน ผู้ถูกกล่าวหายังทำงานอยู่หน่วยราชการเดิมอยู่

นายภูเทพ ทวีโชติธนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า เรื่องนี้สภาฯต้องช่วยแก้ไขโดยด่วน หลายเรื่อง ป.ป.ช.วินิจฉัยชี้มูล ศาลพิพากษามีความผิดคดีอาญาแล้ว แต่ต้นสังกัดพิจารณาแตกต่างออกไป

ปลดล็อกกู้ยืมกองทุน กยศ.

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.45 น. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว มีประเด็นที่น่าสนใจคือมาตรา 13 ที่คณะกรรมาธิการเสียงข้างมากแก้ไข พ.ร.บ.กองทุน กยศ. มาตรา 41 กำหนดให้ผู้กู้เงินกองทุนฯจะต้องมีผู้ค้ำประกันเงินกู้ มี กมธ.เสียงข้างน้อยสงวนคำแปร ญัตติ และมี ส.ส.ขออภิปรายจำนวนมาก น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กมธ.เสียงข้างน้อย กล่าวว่า ข้อเสนอให้ยกเลิกผู้ค้ำประกันในทุกกรณีสอดคล้องกับนโยบายของพรรคที่ต้องการให้เปิดกว้างแก่ทุกคนเข้าถึงกองทุน กยศ.ถ้วนหน้า และขยายเงื่อนไขการให้ทุนเรียนฟรีให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ผ่อนปรนเงื่อนไขชำระหนี้ ผู้กู้ต้องจ่ายคืนต่อเมื่อมีรายได้สร้างดอกเบี้ย มีเบี้ยปรับที่เป็นธรรม เช่นเดียวกับหลายพรรคที่เห็นพ้องว่าต้องยกเลิกผู้ค้ำประกัน อาทิ พรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย ประชาชาติ เป็นต้น เพราะเห็นว่าที่ผ่านมาผู้ค้ำประกัน เช่น พ่อ แม่ ครูอาจารย์ ได้รับความเดือดร้อน บางรายถูกฟ้องร้องหมดตัว ล้มละลาย ถูกยึดบ้าน ที่ดินไร่นา ต่อมา ที่ประชุมลงมติเห็นชอบกับผู้สงวนความเห็น และผู้แปรญัตติ ด้วยมติ 182 ต่อ 119 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนนเสียง 3 เท่ากับว่าที่ประชุมเห็นด้วยให้ยกเลิกผู้ค้ำประกันเงินกู้

“ไบร์ท” โล่งไม่เพิกถอนประกัน

ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำสั่งไต่สวนเพิกถอนประกัน นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ “ไบรท์” จำเลยที่ 2 คดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 ยื่นฟ้องนายอานนท์ นำภา กับพวกรวม 7 คน ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ ป.อาญามาตรา 112 กรณี กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) รวบรวมข้อมูลให้โจทก์ยื่นถอนประกันการปล่อยชั่วคราว ทำกิจกรรมชุมนุมโกนหัวเรียกร้องให้ปล่อยตัวชั่วคราว

น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ และ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง 2 นักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง คดีหมิ่นเบื้องสูง ป.อาญามาตรา 112 วันนี้นายชินวัตรมาฟังคำสั่งศาล พร้อมภรรยาและลูกชาย ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้การกระทำของจำเลยที่ 2 สุ่มเสี่ยงไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาล แต่ไม่มีพฤติการณ์ร้ายแรงถึงขนาดเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวในคดีนี้ ให้ยกคำร้อง และเห็นสมควรกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมให้มารายงานตัวต่อศาลทุก 15 วัน นับจนกว่าศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

นายชินวัตรกล่าวว่า ดีใจ ไม่ว่าผลออกมาอย่างไรก็น้อมรับ แต่ยังยืนยันว่าสิ่งที่กระทำนั้นไม่ได้ผิด การเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 เป็นการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานในฐานะประชาชนคนไทยเท่านั้น เพราะมองว่า เป็นกฎหมายที่ลิดรอนสิทธิประชาชน

“อานนท์” ร้องย้ายผู้พิพากษา

ขณะที่นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร ที่ถูกอัยการฟ้องข้อหาผิดต่อสถาบัน มาตรา 112 และข้อหาอื่นในอีกหลายสิบคดี ที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เดินทางมาที่ศาลอาญา ยื่นคำร้องต่อประธานศาลฎีกา คณะกรรมการตุลาการ อธิบดีศาลอาญา ให้พิจารณาโอนย้าย ผู้พิพากษาคนหนึ่งของศาลอาญาไปทำงานที่ศาลอื่น นายอานนท์บรรยายคำร้องว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2565 มาศาลในฐานะจำเลยคดีดำที่ อ.1395/65 ที่ถูกอัยการฟ้องตาม ป.อาญา และนัดตรวจพยานหลักฐาน ปรากฏว่ามีผู้พิพากษาคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นองค์คณะ เข้ามาแทรกแซงการพิจารณาด้วยการออกคำสั่งให้นัดตรวจพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทำให้ตนเสียหาย ขัดต่อ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการตุลาการ และประมวลจริยธรรมตุลาการ มีเจ้าหน้าที่ศาลรับเรื่องไว้เสนอผู้บังคับบัญชาต่อไป