บุกจับคาโรงแรม! “เจ๊ทิบ-ท้าวอนุสิด” คู่รักนักธุรกิจ โกงแชร์ 400 ล้าน หอบเงินหนีมาไทย

ตำรวจ นำกำลังเจ้าหน้าที่บุกจับ เจ๊ทิบ-ท้าวอนุสิด คู่รักนักธุรกิจ โกงแชร์ หอบเงิน 400 ล้านบาทหนีมาไทย เปิดปากอ้างถูกแอดมินเพจหักหลัง

เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 29 ก.ค.2565 ที่บ้านทาวน์เฮ้าส์ ย่านคลองสี่ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3 สั่งการให้ พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3 หัวหน้าชุดปราบปรามคนร้ายข้ามชาติ ตร. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เข้าจับกุม นางพอนทิบ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี สัญชาติลาว อาชีพนักธุรกิจ หรือ เจ๊ทิบ ฉายา “พิมรี่พายเมืองลาว” และ ท้าวอานุสิด (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี สัญชาติลาว หลังถูกทางการลาว ออกหมายจับคดีฉ้อโกงทรัพย์ และการคิดอัตราดอกเบี้ยสูง

โดยเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงบ้านพัก ได้เคาะประตูและตะโกนเรียกให้ทั้งคู่ออกมาเปิดประตู นานกว่า 15 นาที ไม่มีใครมาเปิด จนกระทั่งมีชายหญิงคู่หนึ่ง คาดว่าเป็นคนรู้จัก ได้เปิดประตูบ้านเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นภายในบ้านพัก ก่อนจะยืนยันว่า นางพอนทิบ และ ท้าวอานุสิด ไม่อยู่ที่บ้านพักหลังนี้

ต่อมาเจ้าหน้าที่ทราบพิกัดที่อยู่ของ นางพอนทิบ และ ท้าวอานุสิด จึงได้นำทีมไปบุกจับที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านคลองห้า เมื่อไปถึงได้เคาะประตูห้อง พร้อมกับอ่านหมายศาลให้กับทั้งคู่ได้รับทราบ ก่อนที่จะเข้าตรวจค้นภายในห้องพัก พบอาหารจากร้านสะดวกซื้อ 2 ถุงใหญ่ และกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อีก 1 ใบ ขณะที่ทั้งคู่อยู่ในสภาพเพิ่งตื่นนอน

สำหรับพฤติการณ์ของทั้งสองคนนี้ คือเป็นแฟนกัน ทำธุรกิจหลายอย่างที่ สปป.ลาว ทั้งขายทอง เพชร และขายของออนไลน์ ซึ่งสิ่งที่ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังคือ ทำกล่องสุ่มขาย เหมือนกับพิมรี่พาย ซึ่งนางทิบขายออนไลน์และกล่องสุ่มจนมีชื่อเสียงโด่งดัง จากนั้นก็เชิญชวนเล่นแชร์ โดยหลอกว่าจะให้ค่าตอบแทนสูงถึง 30-50% ต่อเดือน

นอกจากนี้ ยังเปิดให้แทงหวยออนไลน์ ธุรกิจของนางทิบได้รับความนิยมมากใน สปป.ลาว จากความรวย ความสวย นางทิบยังเป็นคนจิตใจดีช่วยเหลือชาวบ้าน สร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า จนกระทั่งช่วงเดือนมิ.ย. พบว่า ลูกค้าที่ลงทุนกับเจ้ทิบไม่ได้รับเงินตามตกลง จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจเวียงจันทน์ ระบุว่า ถูกนางพอนทิบ อายุ 30 ปี ฉ้อโกงเงินฝากไป

หลังจากนั้น ทางการลาวออกหมายจับทั้งสองคน และมีรายงานว่า เจ้ทิบและแฟนหนุ่ม หลบหนีข้ามแดนจาก สปป.ลาว มายังฝั่งไทย ตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย. พร้อมกับเงินกีบ 2 หมื่นล้านกีบ เงินไทย 400 ล้านบาท และเงินดอลลาร์สหรัฐ 4 ล้านเหรียญ

นางพอนทิบ กล่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นตนขอปฏิเสธทุกอย่าง ตนไม่ได้โกงเงินใคร เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน เงินจำนวน 400 ล้านบาท ที่มีกระแสว่าตนเอาหนีข้ามประเทศมาด้วยนั้น ยืนยันว่าไม่มีจริง เพราะเงินจำนวนมาก ตนไม่สามารถแบกข้ามประเทศมาได้ และถ้าหากจะโอนเงินข้ามประเทศครั้งหนึ่งในจำนวนเงินที่มากก็จะต้องใช้เอกสารมากมายซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

นางพอนทิบ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าเงิน 400 ล้านบาทไม่มีจริง ทุกคนใส่ข่าวไปเอง ตนไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น มีเพียงจำนวนหนึ่งที่ใช้สำหรับหมุนเวียน ถ้าหากถามว่าตอนนี้แชร์ตนล้มหรือไม่ ก็ตอบได้ว่า แชร์ล้มแล้ว ส่วนสาเหตุที่หนีมาที่ประเทศไทย เพราะว่าตนถูกขู่ทำร้าย มีคนเฝ้าอยู่หน้าบ้าน จนทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย ตนเลยขอมาตั้งหลักที่ประเทศไทยก่อน ยืนยันไม่ได้มาที่ประเทศไทยเพื่อที่จะหนีคดี แต่มาเพราะต้องการมาตั้งหลักเท่านั้น ตอนนี้พร้อมจะชี้แจงและรับผิดชอบทุกอย่างแล้ว

ด้าน ท้าวอานุสิด กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ได้มีเงิน 400 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว เพราะถ้าหากมีจริงก็คงจะหนีไปยังประเทศเขมรแล้ว ซึ่งตอนนี้มีเงินติดตัวกันอยู่เพียงแค่ 5-6 หมื่นบาทเท่านั้น ตนและแฟนไม่ได้โกงเงิน อยากขอชี้แจงว่า เงินหวยที่ทุกคนยังไม่ได้รับ ความจริงแล้วนางทิบโอนเงินให้แอดมินของเพจเพื่อให้เขาเอาไปจ่ายให้กับลูกค้าแต่แอดมินไม่ได้จ่าย ทำให้ลูกค้าไม่ได้รับเงิน

ท้าวอนุสิด กล่าวต่อว่า ตนถูกแอดมินเพจ 2 คนหักหลังและโกงเงินไป ซึ่งตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานเอาผิดกับทั้งสองคนอยู่ ในสถานการณ์ตอนนี้ก็รู้สึกกังวล ซึ่งตนขอไม่ให้ข้อมูลอะไรมาก เพราะเบื้องต้นได้เตรียมทนายไว้ต่อสู้คดีที่ประเทศลาวแล้ว ยืนยันตัวเองบริสุทธิ์ ไม่ได้โกงเงินใคร

เบื้องต้นตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาไปที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 เพื่อดำเนินการผลักดันผู้ต้องหาทั้งสองคนกลับประเทศไปดำเนินคดี หลังจากที่ทางการ สปป.ลาว มีคำสั่งให้ยกเลิกหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาทั้งสองคนไปก่อนหน้านี้