ปปง. แจงปม ยึดเพนท์เฮ้าส์หรูของ “เมฆ รามา” สามีหยาดทิพย์ พร้อมระบุ ยึด-อายัดทรัพย์สินจากคดีแชร์ Forex-3D รวมกว่า 586 ล้าน
เมื่อวันที่ 24 ก.พ. จากกรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดอายัดเพนท์เฮ้าส์หรู มูลค่า 245 ล้านบาท ภายในซอยสุขุมวิท ของนายรามา รัศมีรามา หรือ เมฆ สามีของนักแสดงสาวชื่อดัง หยาดทิพย์ ราชปาล เนื่องจากเป็นหนึ่งในรายการบัญชีทรัพย์สินที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ตรวจสอบและพบว่าเดิมเป็นทรัพย์สินในการถือครองของนายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้บริหาร Forex-3D (ปัจจุบันเป็นจำเลยคดีฉ้อโกงประชาชน) แต่ได้มีการเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองมาเป็น นายรามา รัศมีรามา ผ่านการซื้อขายโดยบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ก่อนที่นายอภิรักษ์ โกฎธิ จะถูกดำเนินคดี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด นายเทพสุ บวรโชติดารา รองเลขาธิการ ปปง. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า ตามที่ได้มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวการยึดเพนท์เฮ้าส์หรู ย่านสุขุมวิท มูลค่ากว่า 245 ล้านบาท ของสามีนักแสดงสาว ซึ่งเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนและประชาชนนั้น ในการนี้ สำนักงาน ปปง. ขอเรียนต่อสื่อมวลชนและประชาชนเพื่อทราบถึงการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ดังนี้ กรณีดังกล่าว เป็นการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินในคดี Forex-3D ซึ่งมีพฤติการณ์เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
โดยกลุ่มผู้กระทำความผิดได้มีการหลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนโดยอ้างว่าจะนำเงินไปซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่าง ๆ โดยเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 60-80 ของเงินผลกำไรที่ได้จากการนำไปลงทุนเทรดค่าเงิน และประกันเงินต้นที่ร่วมลงทุนในอัตราร้อยละ 100 โดยมีการโฆษณาชักชวนผ่านเว็บไซต์ www.Forex-3D.com และได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
สำนักงาน ปปง. ได้มีการดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในรายคดีดังกล่าวไว้แล้วรวมมูลค่าประมาณ 586 ล้านบาทเศษ และยังได้ดำเนินการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายจากการกระทำความผิดมูลฐานดังกล่าว ทั้งนี้ ทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ (เพนท์เฮ้าส์หรู ย่านสุขุมวิท) เนื้อที่ประมาณ 438.35 ตารางเมตรนั้น เป็นส่วนหนึ่งของรายการทรัพย์สินที่สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการยึดและอายัดไว้แล้ว ปัจจุบันคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล
นายเทพสุ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน ปปง. อยู่ระหว่างการตรวจสอบอีกหลายคดี โดยมุ่งเน้นการสืบสวนขยายผลเพื่อนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด อันเป็นการตัดวงจรอาชญากรรมเกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานและตัดเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิด ในขณะเดียวกัน ถ้าปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน สำนักงาน ปปง. ก็จะพิจารณาดำเนินการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย