ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงหลังเกิดเหตุระเบิดโจมตีสนามบินกรุงคาบูล กล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต และประกาศจะตามล่ากลุ่ม ไอซิส-เค ซึ่งอยู่เบื้องหลังการโจมตี
เมื่อ 26 ส.ค. 2564 ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ออกแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ถึงเหตุระเบิด 2 ครั้ง โจมตีสนามบินในกรุงคาบูลที่คนจำนวนมากกำลังรออพยพ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 60 ศพ รวมถึงเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกัน 12 นาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกไม่น้อยกว่า 140 ราย ว่า “เป็นวันที่ยากลำบาก”
“เจ้าหน้าที่อเมริกันผู้เสียสละชีวิตตนเองเหล่านี้นั้น คือวีรบุรุษ นี่เป็นคำที่ใช้บ่อยเกินไปแล้ว แต่มันเหมาะสมอย่างมากที่จะนำมาใช้ที่นี่ พวกเขาคือวีรบุรุษผู้ปฏิบัติภารกิจอันตรายอย่างไม่เห็นแก่ตัว เพื่อช่วยชีวิตคนอื่นๆ” นายไบเดนกล่าว “พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการอพยพและการขนย้ายทางอากาศที่ไม่เหมือนครั้งใดในประวัติศาสตร์ ซึ่งมีชาวอเมริกัน, พันธมิตร, ชาวอัฟกันที่ช่วยเหลือเรา และคนอื่นๆ กว่า 100,000 คน ถูกพาไปยังที่ปลอดภัยในช่วง 11 วันที่ผ่านมา”
ผู้นำสหรัฐฯ ยังส่งคำเตือนถึงผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดในกรุงคาบูล ซึ่งทำให้มีเจ้าหน้าที่อเมริกันบาดเจ็บอีก 15 นายด้วยว่า “ถึงเหล่าผู้ก่อเหตุโจมตีครั้งนี้ รวมทั้งใครก็ตามที่ปรารถนาจะทำร้ายอเมริกา จงรู้ไว้ว่า เราจะไม่ให้อภัย เราจะไม่ลืม เราจะตามล่าพวกคุณและให้พวกคุณชดใช้ ผมจะปกป้องผลประโยชน์และประชาชนของเราด้วยทุกมาตรการที่ผมสามารถสั่งการได้”
จากนั้น ไบเดนยืนสงบนิ่งไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตทุกคนในเหตุการณ์นี้ ก่อนจะกล่าวถึงครอบครัวของเจ้าหน้าที่และชาวอัฟกันที่เสียชีวิตว่า “ผมกับจิล (สุภาพสตรีหมายเลข 1) เจ็บปวดใจเช่นเดียวกันที่พวกคุณรู้สึก ทั้งสำหรับครอบครัวชาวอัฟกันทุกคนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักซึ่งรวมถึงเด็กเล็กๆ หรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีอันชั่วร้ายนี้ และเราโกรธเกรี้ยวเช่นเดียวกับที่หัวใจของเราแตกสลาย”
ไบเดนกล่าวอีกว่า เขาเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียครอบครัว โดยสื่อถึง โบ ไบเดน ลูกชายคนโตของเขา ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมองหลังกลับมาจากการปฏิบัติหน้าที่ในประเทศอิรัก “พวกคุณรู้สึกเหมือนกับกำลังถูกดูดเข้าไปในหลุมดำที่กลางอก ไม่มีทางออก หัวใจของผมเจ็บป่วยไปกับพวกคุณ”
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังเปิดช่องให้กองทัพสามารถขอกำลังทหารไปช่วยเหลือในอัฟกานิสถานเพิ่มเติมได้ แต่ตอนนี้ผู้นำกองทัพตั้งแต่ ประธานเสนาธิการร่วมไปจนถึงผู้บัญชาการภาคพื้น ยังคงขอปฏิบัติภารกิจตามเดิมไปก่อน ขณะที่เขาสั่งการให้กองทัพวางแผนปฏิบัติการเพื่อโจมตี ฐาน, ทรัพย์สิน และผู้นำของกลุ่ม ไอซิส-เค (ISIS-K) ซึ่งอ้างตัวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีสนามบินคาบูลแล้ว
เมื่อถูกนักข่าวถามว่า เขาคิดผิดหรือไม่ที่พึ่งพาตาลีบันให้รักษาความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานนานาชาติ ฮามิด คาร์ไซ ก่อนจะเกิดเหตุโจมตี ไบเดนยืนยันว่า เขาไม่ได้คิดผิด “การรักษาความปลอดภัยของตาลีบันไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณเรียกว่า ปฏิบัติการภายใต้การบังคับบัญชาอย่างเข้มงวดเหมือนกับของกองทัพสหรัฐฯ แต่พวกเขาต้องการรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง ผมก็ถามคำถามเดียวกันนี้กับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นว่า นี่เป็นปฏิบัติการที่มีประโยชน์หรือไม่”
“ไม่มีใครเชื่อใจพวกเขา (ตาลีบัน) เราเพียงหวังว่า พวกเขาจะเคลื่อนไหวเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองต่อไป และมันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเองถ้าเราออกไปในเวลาที่ให้คำมั่น และถ้าเราสามารถพาผู้คนออกไปได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” นายไบเดนกล่าว พร้อมเสริมว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่พบหลักฐานใดๆ ที่ชี้ให้เห็นความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มตาลีบันและกลุ่ม ไอซิส-เค ในการโจมตีครั้งนี้
ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันด้วยว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นจะไม่ทำให้ปฏิบัติการอพยพชาวอเมริกันและพลเรือนอัฟกันต้องยุติลง แต่เขายังย้ำคำเดิมว่า จะถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ เนื่องจากภารกิจของสหรัฐฯ ไม่ใช่การสร้างรัฐบาลประชาธิปไตยขึ้นในอัฟกานิสถาน ที่ไม่เคยรวมเป็นปึกแผ่นเลยแม้แต่ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ “ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ถึงเวลาที่จะยุติสงคราม 20 ปีนี้แล้ว”
ที่มา : CNN