พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ถึงผลงานการพัฒนา พลิกฟื้นประเทศไทยจากวิกฤต ร่ายยาวระบุว่า
พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ
ผลจากการทำงานอย่างหนักของทุกภาคส่วนของประเทศ ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนในชาติ ทำให้ในวันนี้มีผลการดำเนินการในทุกมิติ เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้ผมเชื่อมั่นว่าการเดินทางของประเทศไทย ในวันนี้เราได้ฟื้นตัวจากมหาวิกฤตซ้อนวิกฤได้อย่างยั่งยืนแล้ว ในอนาคตอันใกล้เราจะสามารถพลิกโฉมประเทศไทยไปสู่ประเทศแนวหน้าของโลก สำหรับในยุคลูกหลานของเรา ก็จะก้าวไปสู่ประเทศผู้ส่งออกนวัตกรรม เป็นประเทศผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ สู่สายตาชาวโลก ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากการปูพื้นฐานและความพยายามของคนรุ่นเราในทุกวันนี้
โดยผมขอหยิบยกรายงาน สถิติ และผลการประเมินต่างๆ มานำเสนอ ดังนี้
- รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนประจำปี 2566 ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ที่ประเมินผลการพัฒนาของไทย “ดีขึ้น” มาอยู่อันดับที่ 43 จากการประเมินทั้งหมด 166 ประเทศ ถือเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 เป็นผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายในยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาประเทศทุกระดับ
- สถิติการลงทุนประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติในประเทศไทย ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 มีเอกชนต่างชาติเข้ามาลงทุน รวม 274 ราย สร้างมูลค่า 45,392 ล้านบาท สร้างการจ้างงาน 2,999 คน โดยเป็นการลงทุนใน EEC ที่เป็นแหล่งบ่มเพาะอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของประเทศ จำนวน 48 ราย มีมูลค่า 9,442 ล้านบาท คิดเป็น 21% ของเงินลงทุนทั้งหมด สะท้อนความเชื่อมั่น และศักยภาพความพร้อมของไทยรองรับการลงทุนระยะยาวจากทั่วโลก
- การจัดอันดับดัชนีระบบนิเวศทางสตาร์ทอัพโลกประจำปี 2566 โดยเว็บไซต์ StartupBlink ที่เป็นศูนย์กลางข้อมูลด้านระบบนิเวศสตาร์ทอัพทั่วโลก ได้จัดอันดับ 100 ประเทศ และ 1,000 เมือง โดยให้ไทยอยู่ในอันดับ 52 ของโลก “ดีขึ้น” 1 อันดับ จากปีที่แล้ว และถือเป็นอันดับที่ 4 ของอาเซียน
- การจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยสถาบันการจัดการนานาชาติ (IMD) ประจำปี 2566 อยู่อันดับที่ 30 ซึ่งดีขึ้น 3 อันดับจากปีที่แล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของสมรรถนะทางเศรษฐกิจ ดีขึ้น 18 อันดับ
นอกจากนี้ ผมยังได้ติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานสำคัญๆ อีกหลายเรื่อง ให้เป็นไปตามแผนงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก้ประชาชนคนไทยในเร็ววัน ได้แก่
- การขยายผลจากความสำเร็จหลังฟื้นสัมพันธ์ “ไทย-ซาอุฯ” ภาพรวมมูลค่าด้านการลงทุนระหว่างกัน อยู่ที่ 3.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.64% ด้านการท่องเที่ยว ในปี 65 มีนักท่องเที่ยวซาอุฯ เดินทางเข้าไทย 96,389 คน สร้างรายได้กว่า 8,000 ล้านบาท และคาดว่าตลอดปี 66 จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 150,000 คน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 12,000 ล้านบาท โดยมีการเพิ่มเที่ยวบินจาก 9 เที่ยว/สัปดาห์ เป็น 42 เที่ยว/สัปดาห์
- ผลจากมาตรการส่งเสริม 5F Soft Power ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้มีชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทย ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 66 ไทยได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ บนหลายแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยว ทั้ง Agoda และ Klook มียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติจองกิจกรรมในไทย “เพิ่มขึ้น” กว่า 1,200% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 65 และมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 5 เดือน กว่า 10.6 ล้านคน สะท้อนศักยภาพด้านการท่องเที่ยวไทย และการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล
- ความคืบหน้าในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น
(1) โครงการรถไฟความเร็วสูง “กรุงเทพฯ-นครราชสีมา” ระยะทาง 251 กิโลเมตร มีความคืบหน้าตามแผน ซึ่งกำหนดแล้วเสร็จในปี 69 และจะเปิดให้บริการในปี 70 ช่วยให้การเดินทางได้รวดเร็วขึ้น เหลือเพียง 90 นาที
(2) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ขนานไปกับทางเดิม “สายใต้ : ช่วงนครปฐม-ชุมพร” ภาพรวมคืบหน้ามากกว่า 90% เมื่อเสร็จแล้ว จะช่วยประหยัดเวลาเดินทางได้ 25-30 %
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นมากกว่าความภาคภูมิใจของคนไทย แต่เป็นทั้งโอกาสและอนาคตที่สดใส คุณภาพที่ดีขึ้นของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งจะเห็นได้ว่าด้วยศักยภาพของคนไทย ภูมิรัฐศาสตร์ที่ได้เปรียบของไทย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสงบของบ้านเมือง ความสามัคคีของคนในชาติ มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาอย่างรวดเร็วกว่าในอดีต และมีความต่อเนื่องครับ