นายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. กรุงเทพมหานคร และอดีตนักแสดง เปิดเผยเมื่อวันพุธ (3 พ.ค.) ว่าจะรวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการ และมองว่าเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเเศษ (DSI/ดีเอสไอ) บางคนไม่มีความเป็นธรรม และยืนยันว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน Forex-3D (ฟอเรกซ์-ธรีดี)
การแถลงข่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากดีเอสไอนำตัวอดีตนักแสดงรายนี้ส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก ในฐานะผู้ต้องหาคดีฟอกเงินซึ่งเกี่ยวข้องการเส้นทางการเงิน Forex-3D คดีพิเศษที่ 36/2563
นายปราปต์ปฎลยังกล่าวด้วยว่า สิ่งที่ตนเองมองว่า การทำงานของดีเอสไอ เกี่ยวกับคดีนี้มีความไม่ชอบมาพากลในหลายเรื่อง ทั้ง เรื่องที่ตนเองพยายามชี้แจงว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงแชร์ Forex-3D แต่ตนเองไปเกี่ยวกับคดีเพียงแค่ไปขับรถแอสตันมาร์ตินของกู๋กี๋ไปจอดที่ จ.ราชบุรี ตามคำร้องขอ เพราะช่วงนั้นกู๋กี๋ป่วยนอนที่โรงพยาบาล แต่ดีเอสไอกลับไม่ฟังคำชี้แจง
นักแสดงรายนี้ที่ผันตัวมาเป็นนักการเมือง ในสังกัดพรรคไทยภักดี กล่าวต่อไปว่า แม้กระทั่งการแจ้งข้อกล่าวหาคดีร่วมกันฟอกเงินในคดีพิเศษที่ 36/2563 ที่มีการไปแจ้งข้อกล่าวหากู๋กี๋ในเรือนจำเมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย. พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาให้กับกู๋กี๋ แต่กู๋กี๋ปฏิเสธเซ็นเอกสาร เพราะต้องการให้มีบุคคลที่วางใจ ซึ่งก็คือ ทนายความ ช่วยดูเอกสาร ในวันดังกล่าว พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้กลับไปโดยไม่ได้ลายเซ็นของกู๋กี๋
นายปราปต์ปฎลพูดต่อไปว่า จากนั้นในวันถัดมา ดีเอสไอกลับเข้าไปในเรือนจำอีกครั้ง พร้อมกับทนายสิทธิ์ ซึ่งไม่ใช่ทนายที่ดูแลคดีให้ โดยทนายสิทธิ์ ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ในเรือนจำพยายาม เกลี้ยกล่อมเพื่อให้กู๋กี๋ยอมรับทราบข้อกล่าวหาจนสำเร็จ และลงลายมือชื่อในเอกสาร โดยไม่มีการสอบปากคำใดๆ ซึ่งตนมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิ์ผู้ต้องหา ที่ถูกคุมขังอยู่ด้านใน
นายปราปต์ปฎลย้ำว่า หากท้ายที่สุดแล้ว ตนเองจะถูกอัยการสั่งฟ้องคดี หรือ สั่งไม่ฟ้อง ตนเองก็จะเดินหน้าเพื่อเรียกร้องทรัพย์สินที่ มีการอายัดไปจากจำเลยในคดีนี้ กลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย ให้ได้มากที่สุด
ขณะที่ทนายความของปราปต์ปฎล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ทำการอายัดมาจากผู้ต้องหา และจำเลยในคดีแชร์ Forex-3D ว่า ศาลได้มีคำสั่งตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2565 ว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดทรัพย์ไว้ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ นั้นเมื่อคดีสิ้นสุดแล้ว ให้คืนทรัพย์ให้ผู้เสียหาย ทั้งหมดที่ไปยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์คืนจำนวนกว่า 9,000 ราย โดยไม่ให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน