ผบ.ตร.เผยกรณีหมายจับเสี่ยโจ้ น้ำมันเถื่อน หายจากสารบบ อาจมีเจ้าหน้าที่อยู่ในข่ายที่จะต้องถูกสอบทางวินัยและข้อเท็จจริง ส่วนคดีที่เกี่ยวพันทั้งหมดมี 14 เรื่อง สอบเสร็จไปแล้ว 11 เรื่อง เหลืออีก 3 เรื่องจะติดตามเร่งรัด สำหรับหมายจับที่ยังใช้ได้คือหมายจับศาลอุทธรณ์จังหวัดปัตตานีปี 58 ลั่นต้องไปตามจับกุมมาให้ได้ ขณะที่ประธาน ก.อ.เผยสื่อ ยังไม่ทราบรายละเอียด ระบุเป็นหน้าที่อัยการสูงสุดที่จะดูแลสั่งฟ้องคดีนี้ และยังไม่มีการนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ก.อ.
กรณีตำรวจสอบสวนกลางจับกุมนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ปัตตานี พ่อค้าน้ำมันเถื่อน ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ จ.60/2564 ลงวันที่ 23 ก.พ. 2564 ข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน” จับกุมได้จากตลาดกลางคืนย่านห้วยขวาง เมื่อช่วงตี 1 วันที่ 5 พ.ย. หลังหลบหนีคดีตั้งแต่ปี 55 ก่อนส่งตัวให้อัยการจังหวัดสงขลาในวันเดียวกัน และถูกปล่อยตัวเพราะอัยการสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ ก่อนมาพบว่ามีหมายจับศาลจังหวัดปัตตานีในภายหลัง ส่วนเสี่ยโจ้ เชื่อว่าหลบหนีข้ามแดนไปประเทศกัมพูชา สร้างความคลางแคลงใจให้กับสังคมในความโปร่งใสของกระบวนการยุติธรรม
เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบหมายจับของนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ปัตตานี พ่อค้าน้ำมันเถื่อนกรณีหายไปสารบบว่า เท่าที่ทราบจาก ศปก.ตร.เมื่อช่วงดึกวันที่ 16 พ.ย. บช.ภ.9 รายงานมายัง ตร.แล้ว จากการพูดคุย อาจมีเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในข่ายที่จะต้องถูกสอบสวน ข้อเท็จจริงทางวินัย จเรตำรวจแห่งชาติจะพิจารณาประมวลเสนอมาว่ามีใครบ้าง ในชั้นต้นเชื่อว่ามีการส่งหมายเป็นไปตามศาลได้ชี้แจงจริง มีเจ้าหน้าที่รับไว้ แต่จะดำเนินการเป็นไปตามระเบียบหรือไม่อย่างไรเป็นเรื่องของรายละเอียดที่ต้องสอบวินัยกันไป
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ได้สั่งให้สำนักงานกฎหมายและคดีไปสำรวจมาว่าคดีที่นาย สหชัยเข้าไปเกี่ยวข้องมีกี่เรื่อง รายงานอย่างไม่เป็นทางการที่ได้พูดคุยในเบื้องต้นมีอยู่ประมาณ 14 คดี สอบสวนเสร็จแล้ว 11 คดี อีก 3 เรื่อง คือ 1.การสั่งสอบเพิ่มเติมเรื่องการค้าน้ำมันหมื่นกว่ารายการ อยู่ในความดูแลของศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง
หลังจากนี้จะไปเร่งรัดว่าไปถึงไหนแล้ว ทั้งนี้เข้าใจว่ามีรายละเอียดเยอะกว่าหนึ่งหมื่นรายการ ได้ทำไปถึงไหน ติดปัญหาอะไรบ้าง 2.เรื่องการฟอกเงิน พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง และเรื่องการสั่งไม่ฟ้องส่งมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเดือน ก.ย.64 โดยวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร.ได้มีความเห็นแย้งไป 3.คดีที่อยู่ในอำนาจของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เพราะฉะนั้น 3 สำนวนที่ตรวจสอบถึงวันนี้ อีก 11 เรื่องเสร็จไปแล้ว ส่วนหมายจับที่ยังใช้ได้คือหมายจับศาลอุทธรณ์จังหวัดปัตตานี ปี 58 ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารใช้ดวงตราประทับไม้ปลอม ที่บังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาที่สั่งจำคุก 1 ปี 9 เดือน ต้องไปติดตามจับกุมมาให้ได้
“อยากให้เข้าใจว่าคนที่บกพร่อง ก็เป็นการบกพร่องโดยตัวบุคคล ไม่ใช่หน่วยงาน ไม่ใช่ภาพรวมของตำรวจ จะเห็นว่าเรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งใจที่จะทำให้กระจ่าง เพราะว่าตอนนี้เราปราบปรามน้ำมันเถื่อน จับมาโดยตลอด ใครที่เกี่ยวข้องจะเป็นอดีตเก่าอะไรแค่ไหนเราก็จับ เรื่องที่ผ่านๆมาจะกี่ปีกี่ชาติก็ต้องไปรื้อมาดูให้เรียบร้อย ผมรับปากว่าจะทำให้เรียบร้อยจะเป็นอดีตไหนไม่รู้ ต้องทำให้เรียบร้อยให้ปรากฏข้อเท็จจริงให้ชัดเจน ใครผิดก็ลงโทษไป ไม่ได้มีปัญหาอะไร รายละเอียดก็บอกไปแล้วว่าหน่วยที่เกี่ยวข้องก็ต้องลงไปและให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับประชาชนเป็นครั้งคราว อย่าให้ไปวิจารณ์กันเอาเอง เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด เชื่อว่าในที่ 18 พ.ย. ที่ บช.ภ.9 จะมีรายละเอียดแถลงให้สื่อมวลชนทราบ” พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าว
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงสายวันเดียวกัน ที่ห้องประชุมสำนักงานอัยการสูงสุด นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เผยกับผู้สื่อข่าวหลังเป็นประธานการประชุมกรณีอัยการจังหวัดสงขลามีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ปัตตานี ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินฯแล้วปล่อยตัวไป ต่อมาทราบภายหลังว่ามีหมายจับศาลในคดีอื่นๆว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเพราะเป็นหน้าที่อัยการสูงสุดที่จะดูแลการสั่งฟ้องคดีนี้ ยังไม่มีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ก.อ.