แอนโทนี อัลบาเนซี กำลังจะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของออสเตรเลีย หลังพาพรรคเลเบอร์คว้าชัยเลือกตั้งได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ
ในฐานะนักการเมืองที่อยู่ในวงการมายาวนานที่สุดคนหนึ่งของประเทศ นายอัลบาเนซีสัญญากับผู้สนับสนุนของเขาว่า จะดำเนินการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างปลอดภัยจากยุคของรัฐบาลพรรคพันธมิตรเสรีนิยม-ชาตินิยม ซึ่งครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2556
เขายังชูเรื่องการทำให้ชาวออสเตรเลียกลับมารวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง หลังจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้รัฐและเมืองต่างๆ ในประเทศถูกตัดขาดออกจากกันด้วยมาตรการล็อกดาวน์อันเข้มงวด “ผมอยากนำชาวออสเตรเลียกลับมารวมตัวกัน ผมอยากหาเป้าหมายร่วมกันและสนับสนุนความสามัคคีและการมองในแง่ดี ไม่ใช่ความหวาดกลัวและการแบ่งแยก” นายอัลบาเนซีกล่าวระหว่างปราศรัยประกาศชัยชนะเมื่อคืนวันเสาร์ (21 พ.ค.)
แอนโทนี อัลบาเนซี เป็นใคร
นายอัลบาเนซีวัย 59 ปี มีชื่อเสียงในฐานะผู้ปกป้องระบบประกันสุขภาพเสรีของออสเตรเลีย, การสนับสนุนกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และเป็นแฟนรักบี้ตัวยง แต่ก่อนจะจะมาถึงจุดนี้ เขาถูกเลี้ยงดูมาในบ้านเพื่อสังคมโดย แมรีแอน เอลเลอรี แม่เลี้ยงเดี่ยวผู้ทุพพลภาพ ซึ่งเขามักพูดว่าการเลี้ยงดูที่เขาได้รับคือรากฐานที่ทำให้เขาเชื่อในเรื่องความก้าวหน้า
อัลบาเนซีในวัยเด็กมีชื่อเล่นว่า อัลโบ เคยเชื่อว่าพ่อของเขาเสียชีวิตไปก่อนที่เขาจะเกิด แต่ได้รู้ความจริงตอนเป็นวัยรุ่นว่า แม่ของเขาตั้งครรภ์กับชายที่แต่งงานแล้วขณะเดินทางในยุโรป และพ่อของเขาน่าจะมีชีวิตอยู่ 30 ปีต่อมา เขาจึงออกตามหา คาร์โล อัลบาเนซี พ่อของเขา โดยบินไปที่อิตาลีจนในที่สุดก็ได้พบกันเป็นครั้งแรก รวมถึงพบพี่น้องต่างมารดาด้วย
ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปของออสเตรเลียเคยเล่าว่า แม่ของเขามุ่งมั่นอย่างมากที่จะทำให้แน่ใจว่า เขาจะได้รับโอกาสที่ตัวเธอไม่เคยได้รับ และด้วยการสนับสนุนของเธอ ทำให้อัลบาเนซีหนุ่มกลายเป็นคนแรกของครอบครัวที่เรียนจบจนได้เข้ามหาวิทยาลัย
เป็น ส.ส.มา 25 ปี
นายอัลบาเนซี เพิ่งเป็นหัวหน้าพรรคเลเบอร์ได้เพียง 3 ปี หลังจากหัวหน้าพรรคคนก่อนคือนาย บิล ชอร์ตเทน พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562
แต่อัลโบอยู่กับพรรคเลเบอร์มาตั้งแต่อายุ 20 กว่าปีแล้ว โดยเคยทำงานภาคการเมืองทั้งในระดับรัฐและระดับประเทศ ก่อนจะได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภาบริหารนครซิดนีย์ในปี 2539 ในวันเกิดอายุ 33 ปีของตัวเองพอดี และได้รับเลือกเป็นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน หลังจากพรรคเลเบอร์ภายใต้การนำของ เควิน รัดด์ ชนะการเลือกตั้งในปี 2550
เขายังคงเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมืองอยู่แม้ว่าพรรคเลเบอร์จะเข้าสู่ช่วงโกลาหล หลังจากมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ เป็นนางจูเลีย กิลลาร์ด ในปี 2553 แต่เพียง 3 ปีต่อมา นายรัดด์ก็กลับมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และเลือกนายอัลบาเนซีที่คอยสนับสนุนเขา เป็นรองนายกรัฐมนตรี แต่พวกเขาเป็นรัฐบาลได้เพียง 10 สัปดาห์ก็แพ้การเลือกตั้งให้พรรคพันธมิตรเสรีนิยม-ชาตินิยม
อัลบาเนซีเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 2564 แต่ระบุว่าเขาใช้เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทั้งการลดน้ำหนักและปรับการแต่งกายของตัวเอง
ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไป
นายอัลบาเนซีเคยเป็นแกนนำฝ่ายซ้ายภายในพรรคเลเบอร์ แต่หลังจากได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค เขาปรับจุดยืนของตัวเองมาอยู่สายกลางมากขึ้น และพยายามพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ใช่ผู้เรียกร้องความเปลี่ยนแปลงแบบสุดโต่ง เพื่อดึงผู้สนับสนุนฝ่ายอนุรักษนิยม ที่หันไปเลือกพรรคคู่แข่งในการเลือกตั้งปี 2562 ให้กลับมา
เขาถึงขั้นผ่อนท่าทีเรื่องการสนับสนุนมาตรการแก้โลกร้อนอย่างแข็งกร้าว ใช้ถ้อยคำรุนแรงขึ้นในเรื่องเกี่ยวกับประเทศจีนและความมั่นคงของชาติ และสนับสนุนนโยบายที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก อย่างการส่งตัวผู้ขอลี้ภัยที่เดินทางเข้าออสเตรเลียด้วยเรือกลับประเทศต้นทาง ซึ่งตัวเขาเองก็เคยต่อต้านมาก่อนด้วย
แต่อัลบาเนซียังคงยึดมั่นในหลักการของพรรคเลเบอร์ เรื่องสัญญาที่จะเพิ่มการใช้จ่ายในภาคการดูแลผู้สูงอายุในประเทศ, ลดค่าเลี้ยงดูบุตร และส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เลเบอร์ยังให้คำมั่นด้วยว่า จะจัดการลงประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ตั้งคณะกรรมการให้ชนพื้นเมืองได้มีบทบาทวางนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาด้วยตัวเองด้วย
ที่มา : BBC