นายสิทธา มูลหงษ์ ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เผยได้รับการยืนยันจากวัดท่าไม้ จ.สมุทรสาคร จะไม่มีการบวชให้กับ “ไฮโซปอ” และ “โรเบิร์ต” เนื่องจากเป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎมหาเถรสมาคม
กรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของแตงโม-ภัทรธิดา หรือนิดา พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวชื่อดังที่พลัดตกสปีดโบ๊ตจมหายไปในแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงสะพานพระราม 7 กับท่าเรือพิบูลสงคราม 1 อ.เมืองนนทบุรี เมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ. พบศพช่วงบ่ายวันที่ 26 ก.พ. สังคมยังคลางแคลงใจในคำให้การของกลุ่มเพื่อน 5 คนที่อยู่บนเรืออ้างว่าแตงโมนั่งปัสสาวะท้ายเรือก่อนพลัดตกลงไปในน้ำ โลกโซเชียลพากันขุดคุ้ยหาหลักฐานพิสูจน์ข้อเท็จจริงแตกประเด็นไปต่างๆ นานา ขณะที่ตำรวจต้องไขปริศนาหาคำตอบทุกข้อสงสัยให้กระจ่างชัด
ขณะที่ต่อมา นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ไฮโซปอ และนายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือ โรเบิร์ต ผู้ต้องหาในคดีนี้ ประกาศบวชอุทิศส่วนกุศลให้ดาราสาวแตงโม ที่วัดท่าไม้ ในวันที่ 16 มี.ค.นี้
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 นายสิทธา มูลหงษ์ ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะโฆษก พศ. กล่าวยืนยันว่า ทางวัดท่าไม้จะไม่มีการรับทั้ง นายตนุภัทร และนายไพบูลย์ เข้ามาบวช เนื่องจากเป็นบุคคลต้องห้าม ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2536) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ ข้อ 14 ระบุว่า พระอุปัชฌาย์ต้องงดเว้นการให้บรรพชาอุปสมบทแก่คนต้องห้ามเหล่านี้
1. คนทําความผิดหลบหนีอาญาแผ่นดิน
2. คนหลบหนีราชการ
3. คนต้องหาในคดีอาญา
4. คนเคยถูกตัดสินจําคุกโดยฐานเป็นผู้ร้ายสําคัญ
5. คนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา
6. คนมีโรคติดต่อเป็นที่น่ารังเกียจ เช่น วัณโรคในระยะอันตราย
7. คนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้
ขณะที่ นางหนึ่งฤทัย พูลลาภ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า กรณีที่ปรากฏข่าวเกี่ยวกับเรื่องการขอบวชของไฮโซปอและโรเบิร์ตนั้น หลังจากที่ทราบเรื่องทางสำนักงานพระพุทธศาสนาก็ได้ประสานไปยังเลขาฯ เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ ซึ่งทางวัดก็ได้แจ้งมาว่า รับทราบในเรื่องของผู้ที่จะมาขอบวชจริง แต่ในเรื่องของพิธีกรรมในเรื่องของการบวชนี้ ทางวัดก็ทราบแล้วว่าการบวชพระในกรณีนี้ ขัดกับกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 17 พ.ศ. 2536 ในเรื่องของการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์หมวด 3 หน้าที่ของพระอุปัชฌาย์ก็คือว่าในข้อ 14 ที่กำหนดว่า พระอุปัชฌาย์ต้องงดเว้นการให้บรรพชาอุปสมบทแก่คนต้องห้ามเหล่านี้ (3) ที่บอกว่าผู้ต้องหาในคดีอาญา ซึ่งทางวัดทราบอยู่แล้ว
ส่วนกรณีของการบวชพราหมณ์ หรือการนุ่งขาวห่มขาวนั้น ก็เหมือนกับเป็นการถือศีลอย่างหนึ่งที่สามารถกระทำได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับบทบัญญัติในเรื่องของการบวชพระตามกฎหาเถรสมาคม เป็นเพียงเรื่องของการถือศีลเท่านั้น
ด้านพระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับเรื่องของการบวชพระ เป็นอำนาจการตัดสินใจของพระอุปัชฌาย์ในเขตการปกครองของสงฆ์ตามที่วัดแต่ละแห่งสังกัดอยู่ โดยวัดท่าไม้ อยู่ในเขตการปกครองของเจ้าคณะตำบลบางยาง และมีเจ้าอาวาสวัดท่ากระบือ เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งเท่าที่ทราบมาคือ ท่านเจ้าอาวาสวัดท่ากระบือ ได้ชี้แจงแล้วว่า ไม่สามารถบวชให้แก่บุคคลทั้งสองได้ ดังนั้นพระรูปอื่นจึงมิควรมีการให้ข้อคิดเห็นในเรื่องนี้
ส่วนเรื่องของการบวชพราหมณ์นั้น พึงกระทำได้หรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่พึงกระทำได้เพราะไม่เกี่ยวกับบทบัญญัติหรือข้อห้ามของการบวชพระสงฆ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บุคคลที่จะเข้ามาสู่การถือศีลกับทางวัดหรืออยู่ใกล้ชิดพระพุทธศาสนา ก็ควรที่จะต้องเป็นบุคคลที่ผ่านพ้นการตัดสินทางกฎหมายจากทางโลกให้เป็นที่เรียบร้อยก่อนจะเป็นการดีที่สุด