“ดีเอสไอ” สั่งพักราชการ 5 เจ้าหน้าที่ที่ถูกออกหมายจับ ข้อหาเรียกรับทรัพย์สินเพื่อปล่อยผู้ต้องหาชาวจีน 11 คน ระหว่างเข้าตรวจค้นในบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรู ตัวเลขสูงถึงเกือบ 10 ล้านบาท ด้านตำรวจเตรียมตรวจสอบผู้บังคับบัญชาตำรวจ 191 จำนวน 9 นาย ที่ถูกออกหมายจับ มีถึงระดับรอง ผบช.น. และรอง ผบก.สปพ.ที่กำกับดูแลตำรวจที่ไปกระทำความผิด แย้มกำลังตรวจหาเงินที่เรียกรับ เชื่อหาไม่ยาก อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน
กรณีชุดสืบสวน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เข้าคลี่คลายคดีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) เรียกรับผลประโยชน์เกือบ 10 ล้านบาท เพื่อปล่อยตัวผู้ต้องหาชาวจีนมีหมายแดงของตำรวจสากลเกี่ยวกับการปลอมหนังสือเดินทาง ต่อมาออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องดำเนินคดีรวม 16 คนตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ความคืบหน้าจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 20 ม.ค. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า ในส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับตำรวจ 191 จำนวน 9 นาย นอกจากนั้นยังเตรียมสอบสวนผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไป 2 ระดับ รวมทั้ง รอง ผบช.น.และรอง ผบก. สปพ.ที่กำกับการทำงานของนายตำรวจที่กระทำผิด ตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า มีคำสั่งให้ไปปฏิบัติการอย่างไร
“สำหรับการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่ปฏิบัติให้ออกตรวจร่วมกันต้องปรับให้มากขึ้น เพื่อป้องกันข้อผิดพลาด ปกติแล้วการทำงานระหว่างหน่วยงานมีการประสานงานในทุกช่องทางเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงาน พร้อมกันนี้หากผลการตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีการทำผิดของตำรวจ นายใดจะดำเนินการอย่างไม่ละเว้นและโปร่งใสตรวจสอบ ได้ ในส่วนคดีขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เรียกพยานที่อยู่ใกล้เคียงกับที่พัก อดีตกงสุลนาอูรูมาให้ปากคำหมดแล้ว ส่วนจำนวนเงินที่หายไปและอยู่ในชุดจับกุม ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าอยู่ที่ใด คาดว่าตรวจสอบไม่ยาก อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงจะแถลงความคืบหน้าให้อีกครั้ง” พล.ต.ต.อาชยน กล่าว
ที่โรงแรมเดอะเดวิส คอนเนอร์วิงค์ ซอยสุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เผยว่า ต้นเรื่องนี้เกิดจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไม่ใช่ตำรวจ 191 เนื่องจากดีเอสไอยังไม่สามารถตั้งเลขคดีได้ เพราะการตั้งเลขคดีต้องผ่านคณะกรรมการและต้องให้อธิบดีรับรอง แต่กรณีนี้เจ้าหน้าที่เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงประสานกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ออกหมายจับและเข้าไปตรวจค้นร่วมกัน จากข้อมูลที่มีอยู่ส่วนตัวมองว่าอธิบดีดีเอสไอไม่รู้เรื่องประเด็นการเรียกรับผลประโยชน์ และเชื่อว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ชื่อย่อ “ท” อยู่ระดับบริหารของดีเอสไอ ส่วนประเด็นเงินของกลางที่หายไป 9.5 ล้านบาท ประเด็นนี้ตนไม่รู้ว่าเงินอยู่ที่ไหน
ล่าสุดเวลา 20.18 น. นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยว่า ตามปรากฏข้อเท็จจริงที่มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นำหลักฐานการตรวจค้นจับกุมของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยักยอกเงินของกลาง และเรียกรับเพื่อแลกกับการปล่อยตัวชาวจีน 11 คนที่จับกุมได้ในบ้าน เป็นเหตุให้มีการออกหมายจับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ 5 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวนหนึ่งฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเพื่อจะช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องได้รับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด เป็นกรณีมีมูลว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยแล้วนั้น
เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 57 (10) มาตรา 101 กฎ ก.พ.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย 2556 ข้อ 78 และข้อ 81 กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ หากให้อยู่ในหน้าที่ราชการต่อไปจะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนพิจารณา และอาจเกิดการเสียหายแก่ราชการ จึงเห็นควรพักราชการเจ้าหน้าที่ทั้ง 5 คนไว้ก่อน