ภูมิภาคอาเซียน เร่งเปิดประเทศ เริ่มต้นเศรษฐกิจใหม่

  • นักวิเคราะห์กังวลชาติอาเซียนเร่งเปิดประเทศท่ามกลางปัญหาความเหลื่อมล้ำของวัคซีนและจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังสูง ทำให้ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างปากท้องของแรงงายในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรคโควิด
  • ข้อมูลจากองค์กรการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ ชี้ว่า นักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวต่างประเทศมากถึง 254,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.4 ล้านล้านบาท ในปี 2562 คิดเป็นหนึ่งในห้าของการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวทั่วโลก ทำให้มาตรการเปิดประเทศควรให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวจีน
  • กฎเกณฑ์ในการเดินทางกลับประเทศของนักท่องเที่ยวที่ซับซ้อนนับว่าเป็นอุปสรรคสำหรับชาติอาเซียนที่เดินหน้าเปิดประเทศ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นำมาซึ่งกฎระเบียบต่างๆ นักท่องเที่ยวต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น

ประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้เร่งเปิดประเทศเพิ่มเริ่มต้นเศรษฐกิจใหม่อีกครั้งหลังจากที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2019 ภาคการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนนั้นมีมูลค่ามากถึง 393,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 13 ล้านล้านบาท ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 1 ใน 5 ของจีดีพีประเทศไทย และ 1 ใน 3 ของจีดีพีประเทศกัมพูชา แต่โรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวอย่างแสนสาหัส นักท่องเที่ยวลดลง 81 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้ว 

ชาติอาเซียนมีเศรษฐกิจที่พึ่งพาตลาดการท่องเที่ยว ประเทศไทยได้เริ่มเปิดประเทศแล้ว ส่วนเวียดนามได้เตรียมเปิดเกาะฟู้ก๊วกขณะที่กัมพูชาเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวสิ้นปีนี้ เช่นเดียวกับประเทศมาเลเซียและฟิลิปปินส์ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาหาหนทางเดินหน้าเศรษฐกิจ ซึ่งกรุงกัวลาลัมเปอร์ได้ประกาศแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยว โดยให้ความสำคัญกับการเดินทางภายในประเทศเป็นลำดับแรก 

การแพร่ระบาดไม่ได้แค่เพียงฉุดเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ดิ่งลงเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการเดินทาง ทำให้ผู้คนไม่สามารถกลับไปท่องเที่ยวแบบเดิมได้อีก นักท่องเที่ยวแบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวต่างแดน

นักวิเคราะห์ชี้ นักท่องเที่ยวจีนสำคัญที่สุด โดยข้อมูลจากองค์กรการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ ชี้ว่า นักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวต่างประเทศมากถึง 254,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.4 ล้านล้านบาท ในปี 2562 คิดเป็นหนึ่งในห้าของการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวทั่วโลก   

เร่งเปิดประเทศเร็วไปหรือไม่ คาดหลายชาติอาจเปิดประเทศเปิดตามไทย

ด้าน อบิเช็ก ริมา ผู้ประสานงานด้านสาธารณสุขฉุกเฉินของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ ได้แสดงความกังวล ว่า ชาติอาเซียนอาจเร่งเปิดประเทศเร็วเกินไป โดยถึงแม้ว่าสิงคโปร์จะมีตัวเลขผู้ฉีดวัคซีนครบโดสกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และกัมพูชา มีตัวเลขผู้ฉีดวัคซีนกว่า 66 เปอร์เซ็นต์ แต่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคยังคงเผชิญกับความเหลื่อมล้ำของการฉีดวัคซีน 

ขณะที่ด้านบริษัทให้บริการปรึกษาแผนการท่องเที่ยว เช็ก-อิน เอเชีย ให้ความเห็นว่า การประกาศเปิดประเทศของไทยนับเป็นก้าวที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน และมีส่วนที่กระตุ้นให้ประเทศเพื่อนบ้านเร่งเปิดประเทศตามมา แต่ตัวเลขผู้เดินทางมายังประเทศไทยยังคงต่ำเมื่อเทียบกับก่อนเกิดการแพร่ระบาด โดยเฉพาะในช่วงที่นักท่องเที่ยวจีนต้องอยู่ภายใต้กฎควบคุมการเดินทางออกนอกประเทศที่เข้มข้น 

ถึงแม้ว่าจะมีการเปิดประเทศ แต่นักเดินทางยังคงต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจโรคโควิด-19 ที่เข้มงวด รวมถึงแบกรับค่าใช้จ่ายประกันภัยท่องเที่ยว ปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อระงับการแพร่ระบาด แต่ในทางกลับกันก็ทำให้นักท่องเที่ยวคิดหนักก่อนตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวในต่างแดน

ผู้เชี่ยวชาญชี้นักท่องเที่ยวจีนสำคัญที่สุด

ข้อมูลจากสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก ชี้ว่า ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นักท่องเที่ยวที่มีสวนสำคัญที่สุดของชาติอาเซียน ไม่ใช่นักท่องเที่ยวจากยุโรป แต่เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศในเอเชีย โดยนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็น 21 เปอร์เซ็นต์ ของผู้เดินทางเข้าประเทศอาเซียนทั้งหมด รองลงมาเป็นสิงคโปร์ มีจำนวนนักเดินทางในประเทศอาเซียน 10 เปอร์เซ็นต์ ถัดมาเป็นเกาหลีใต้อยู่ที่ 7 เปอร์เซ็นต์ 

สิ่งที่น่าจับตาคือจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2553 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในภูมิภาค 5.4 ล้านคน ถัดมาในปี 2562 นักท่องเที่ยวจีนได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็น 32 ล้านคน ซึ่งคำถามที่สำคัญคือ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ทำให้ประเทศอาเซียนสามารถกอบโกยรายได้มหาศาลในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น จะสามารถกลับมาฟื้นตัวและมีจำนวนนักท่องเที่ยวได้มากเท่าเดิมหลังจากที่ทั่วโลกต้องต่อสู้กับการแพร่ระบาด และชาติอาเซียนเองยังคงมียอดผู้ป่วยรายวันในระดับสูงหรือไม่ 

ด้าน อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต ได้คาดการณ์ว่าทางการจีนจะยังคงกฎและมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดไปจนถึงช่วงท้ายปี 2565 โดยจีนมีแนวโน้มผ่อนปรนมาตรการเดินทางสำหรับผู้เดินทางจากฮ่องกงและมาเก๊า ก่อนที่จะเริ่มผ่อนปรนการเดินทางกลับเข้าประเทศของนักท่องเที่ยว ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะกลับมาฟื้นตัวในปี 2567 ทำให้การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนยังต้องใช้เวลา และชาติอาเซียนอาจต้องหันไปให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวยุโรป

โควิดเปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยว

กฎเกณฑ์ในการเดินทางกลับประเทศของนักท่องเที่ยวนับว่าเป็นอุปสรรคสำหรับชาติอาเซียนที่เดินหน้าเปิดประเทศ นักวิเคราะห์มองว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแบบที่เราเคยรู้จักและคุ้นชินกันดีนั้นจะไม่สามารถกลับไปเป็นอย่างเดิมได้อีก การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบของการท่องเที่ยว ซึ่งหลังจากนี้การเดินทางท่องเที่ยวจะขึ้นอยู่กับจำนวนการฉีดวัคซีนและกฎระเบียบ รวมถึงต้องพึ่งพิงเทคโนโลยีอย่างแอปพลิเคชันการติดตามอาการ 

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้เดินทางไม่อาจหวนกลับไปเดินทางได้อย่างอิสระในรูปแบบก่อนเกิดการแพร่ระบาดได้อีก ซึ่งมาตรการและข้อบังคับรูปแบบต่างๆ นั้นล้วนแต่เป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นการท่องเที่ยว และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมายังเป็นภาระของนักเดินทาง ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว ซึ่ง อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิตรายงานว่านักท่องเที่ยวจะชั่งน้ำหนักการเดินทางไปยังแต่ละประเทศ ว่าประเทศไหนสามารถเดินทางไปได้ง่ายที่สุด และมีการทำวีซ่าที่สะดวกสบาย.

ผู้เขียน: นัฐชา กิจโมกข์

ที่มา: Theguardian, DW, DW