ยูเครนกล่าวโทษรัสเซียว่า จงใจทำให้ผู้คนไม่มีไฟฟ้าใช้ ด้วยการตัดกระแสไฟฟ้าทั่วภาคตะวันออกของยูเครน เพื่อแก้แค้นที่ถูกกองกำลังยูเครนรุกกลับ
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวหารัสเซียว่าตั้งเป้าที่จะตัดขาดผู้คนออกจากแสงสว่างและความร้อน ด้วยการทำให้ไฟฟ้าดับทั่วภาคตะวันออกของยูเครน เพื่อเป็นการแก้แค้นต่อปฏิบัติการต่อต้านการโจมตีของยูเครน นายเซเลนสกีโพสต์ผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรมกล่าวหารัสเซียว่า ก่อการร้ายด้วยการเล่นงานเป้าหมายที่เป็นสาธารณูปโภคของพลเรือน
เมืองคาร์คิฟ ของยูเครน ต้องตกอยู่ในความมืดมิด เนื่องจากไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง หลังจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ถูกรัสเซียโจมตีเมื่อคืนที่ผ่านมา จนเกิดไฟไหม้อย่างรุนแรง ท้องถนนสายต่างๆ มีเพียงแสงสว่างจากไฟหน้ารถเท่านั้น ทำให้คนเดินเท้าต้องใช้ไฟฉาย หรือแสงสว่างจากโทรศัพท์มือถือ เพื่อส่องทางเดิน เหตุการณ์โจมตีโรงไฟฟ้าดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน นอกจากที่เมืองคาร์คิฟแล้ว ภูมิภาคโดเนตสก์ ก็มีปัญหาไฟฟ้าดับเช่นเดียวกัน เวลานี้ทางการกำลังเร่งแก้ไขปัญหาไฟฟ้าดับ และน้ำประปาไม่ไหล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน
บีบีซี รายงานว่า ประชาชนราว 9 ล้านคนทางภาคตะวันออกของยูเครน รวมทั้งแคว้นคาร์คิฟและแคว้นโดเนสต์ เดือดร้อนจากการไม่มีไฟฟ้าใช้
ส่วน นายอีฮอร์ เตเลคอฟ นายกเทศมนตรีเมืองคาร์คิฟ เผยว่า รัสเซียโจมตีสาธารณูปโภคพลเรือน ทำให้ชาวเมืองไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ เป็นความพยายามชั่วร้ายหวังแก้แค้นที่กองกำลังยูเครนประสบความสำเร็จในการสู้รบเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่แคว้นซูมี แคว้นนีโปรเปตรอฟสกา และแคว้นโปลตาวา แจ้งว่า มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน
ผู้นำยูเครนอ้างว่า กองกำลังยูเครนสามารถยึดพื้นที่คืนจากรัสเซีย ในปฏิบัติการรุกกลับทางตะวันออกที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดยยึดได้เพิ่มขึ้นจาก 1,000 ตารางกิโลเมตร เมื่อเย็นวันพฤหัสบดี เป็น 2,000 ตารางกิโลเมตร ในเย็นวันเสาร์ และเป็น 3,000 ตารางกิโลเมตรในวันอาทิตย์ อย่างไรก็ดี บีบีซี ระบุว่า รัสเซียยังคงยึดครองพื้นที่ในยูเครนอยู่ 1 ใน 5 และเป็นเรื่องยากที่สงครามจะยุติลงอย่างรวดเร็ว หลังจากเปิดฉากมาตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์.