“ยูเครน” ปฏิบัติการตีโต้พื้นที่กรุงเคียฟ พบศพชาวบ้านเกลื่อนถนนกว่า 20 ศพ ในเมืองบูช่า

ล่วงเลยเข้าสู่วันที่ 40 สำหรับสงครามยูเครน-รัสเซีย ในภูมิภาคยุโรปตะวันออก สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าเมื่อวันที่ 3 เม.ย. กองทัพ ยูเครนที่ปฏิบัติการตีโต้ในพื้นที่กรุงเคียฟ ทางภาคเหนือ พบศพชาวบ้านกว่า 20 ศพ ถูกปล่อยทิ้งไว้ตามถนน หนทางในเมืองบูช่า มีความเป็นไปได้ว่าบางรายอาจถูกยิงทิ้ง และเข้าข่ายเหตุอาชญากรรมสงคราม ขณะที่หน่วยรบรัสเซียในแนวรบภาคเหนือยังคงถอนกำลังกลับไปเบลารุส-รัสเซีย

ด้านนักวิเคราะห์ความมั่นคงตะวันตกประเมินว่า การโยกย้ายกำลังพลของรัสเซียไปยังแนวรบตะวันออกอาจต้องใช้เวลาปรับขบวนทัพสักพักใหญ่ จึงจะสามารถปฏิบัติการรุกขนานใหญ่ต่อไปได้ แต่อยู่ระหว่างจับตาแนวรบเมืองอิซยูม ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองคาร์คีฟ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยูเครน หลังรัสเซียมีแนวโน้มจะทุ่มกำลังตรงจุดนี้ เพื่อตีลงใต้และปิดล้อมหน่วยรบของยูเครนในจังหวัดโดเนตสก์และลูฮานสก์ ส่วนกระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างว่า ช่วงค่ำคืน 2 เม.ย.ที่ผ่านมา กองทัพอากาศ รัสเซียโจมตีเป้าหมาย 51 จุดในยูเครน ในจำนวนนี้รวมถึงศูนย์บัญชาการการรบ โรงเก็บจรวด ปืนใหญ่และระบบต่อต้านอากาศยาน

ขณะที่นายเดวิด อารักคาเมีย หนึ่งในคณะเจรจาของรัฐบาลยูเครน เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ทีมเจรจาของรัสเซียกล่าวยอมรับเงื่อนไขของยูเครนผ่านวาจา ว่าการทำประชามติเรื่องสถานะความเป็น กลางของยูเครนอาจเป็นทางออกเดียว แต่รัสเซียไม่เห็นด้วยเรื่องนัดหารือสถานะไครเมียกันไปเรื่อยๆ 15 ปี เมื่อถามว่าหากประชาชนยูเครนโหวตไม่รับเงื่อนไขจะทำเช่นไร นายอารักคาเมียตอบว่า กลับไปรบกันต่อ หรือกลับไปเจรจากันต่อ ต่อมานายวลาดิเมียร์ เมดินสกี ที่ปรึกษาประธานาธิบดีรัสเซีย หัวหน้าทีมเจรจา ระบุว่า จุดยืนเรื่องอธิปไตยไครเมียและดอนบาสของรัสเซียยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และข้อตกลงยังไม่พร้อมที่จะให้นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย พบกับนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน

วันเดียวกัน นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย เผยว่า อังกฤษไม่สามารถซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียได้ เนื่องจากรัฐบาลสั่งคว่ำบาตรธนาคารก๊าซพรอม ที่ก่อนหน้านี้รัสเซียเปิดช่องให้ใช้ธนาคารดังกล่าวเป็นช่องทางการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเป็นรูเบิล รัฐบาลอังกฤษอยากเป็นผู้นำในการต่อต้านรัสเซียยิ่งกว่าสหรัฐฯเสียอีก และนี่คือผลพวง ขณะที่ธนาคารอังกฤษเตือนให้ผู้คนเตรียมรับมือค่าครองชีพพุ่งสูง ส่วนชาติคาบสมุทรบอลติกลัตเวีย ลิทัวเนีย และเอสโตเนีย ระงับการนำเข้าก๊าซรัสเซีย พร้อมเรียกร้องให้ชาติยุโรปดำเนินรอยตาม.