ทางการยูเครนประกาศชัยชนะ หลังยูเนสโกจัดให้ ซุปบอร์ช ในยูเครน เป็นมรดกวัฒนธรรมที่กำลังเสี่ยงถูกคุกคาม ขณะที่รัสเซียซึ่งก็มีซุปแบบเดียวกัน ออกมาปรามาสการตัดสินในครั้งนี้
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เพิ่มเมนู ‘ซุปบอร์ช’ (borsch) ในยูเครน เข้าสู่บัญชีมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ซึ่งกำลังถูกคุกคามแล้ว เนื่องจากสงครามในยูเครน กำลังเป็นภัยต่อการทำอาหารชนิดนี้
“ชัยชนะในสงครามแย่งชิงซุปบอร์ชเป็นของพวกเรา เราจะชนะทั้งสงครามบอร์ชและสงครามนี้” นาย โอเลกซานเดอร์ ทคาเชนโก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมยูเครนกล่าว “เรายินดีที่จะแบ่งปันสูตรบอร์ชแก่ประเทศประเทศที่มีอารยธรรมทั้งหมด และประเทศที่ไร้อารยธรรมด้วย เพื่อให้อย่างน้อยพวกเขาจะได้มีอะไรดี, อร่อย และเป็นยูเครน”
ทั้งนี้ ซุปบอร์ชตามปกติจะทำจาก บีทรูทและมัน โดยยูเครนถือว่าบอร์ชเป็นอาหารประจำชาติ แต่เมนูนี้ก็มีการบริโภคอย่างกว้างขวางในรัสเซีย กับประเทศอดีตสมาชิกโซเวียตอื่นๆ และโปแลนด์ ทำให้เกิดข้อถกเถียงอย่างมาก ไม่เพียงแค่ในเรื่องต้นกำเนิดขิงของอาหารชนิดนี้ แต่ยังรวมถึงวิธีอ่านชื่อ และส่วนผสมว่าควรใส่เนื้อและซาวร์ครีมหรือไม่
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรื่องที่ว่าบอร์ชเป็นอาหารยูเครนหรือรัสเซียเป็นที่โต้เถียงกันอย่างหนักบนโลกออนไลน์ จนบางคนขนานนามว่าเป็นสงครามบอร์ช (borsch wars)
ปี 2563 ยูเครนยื่นคำร้องต่อยูเนสโก ขอให้บรรจุวัฒนธรรมการทำอาหารชีวิตนี้เข้าสู่บัญชีมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ซึ่งกำลังถูกคุกคาม ซึ่งเดิมทียูเนสโกจะตัดสินใจเรื่องนี้ในปี 2566 แต่กระบวนการถูกเร่งขึ้นมาหลังจากรัสเซียบุกโจมตียูเครน และยูเนสโกมองว่า นี่เป็นผลกระทบทางลบต่อวัฒนธรรมอาหารชนิดนี้
ด้านนาง มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ออกมาปรามาสการตัดสินใจของยูเนสโก ระบุว่า บอร์ชของเราไม่จำเป็นต้องการการคุ้มครอง “ฮูมุสกับพลอฟ (พิลาฟ) ได้รับการประกาศเป็นอาหารประจำชาติของหลายประเทศ แต่ตามที่ฉันเข้าใจ ดูเหมือนทุกอย่างจะถูกทำให้เป็นยูเครนทั้งหมด ต่อไปอะไรอีก? หมูจะถูกประกาศเป็นอาหารประจำชาติยูเครนด้วยหรือไม่?”