เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) เกิดเหตุการณ์เรือไร้คนขับหรือเรือโดรน แล่นเข้าหาเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซียลำหนึ่งอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเกิดการระเบิดในที่สุด
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของยูเครนอ้างว่าเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นฝีมือการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยความมั่นคงและกองทัพเรือยูเครนที่ส่งเรือโดรนติดตั้งวัตถุระเบิดน้ำหนัก 450 กิโลกรัมโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติรัสเซียในบริเวณสะพานเคิร์ช ในทะเลดำ ซึ่งเชื่อมต่อแผ่นดินใหญ่รัสเซียกับภูมิภาคไครเมียที่รัสเซียยึดมากจากยูเครนตั้งแต่ปี 2014
โดยแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของยูเครนระบุว่าเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกโจมตีอยู่ในระหว่างการขนส่งเชื้อเพลิงให้แก่กองทัพรัสเซีย พร้อมทั้งยืนยันว่าปฏิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้นในน่านน้ำของยูเครน และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
สำหรับเรือที่ถูกโจมตีมีชื่อว่า SIG ซึ่งสหรัฐฯได้คว่ำบาตรเรือลำนี้ รวมถึงบริษัททรานส์เปโตรชาร์ท (Transpetrochart) ในเมืองเซนต์ปีเตอส์เบิร์กของรัสเซีย ตั้งแต่ปี 2019 เนื่องจากพบว่าขนส่งน้ำมันเครื่องบินไปยังซีเรีย
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านด้านตะวันตกของยูเครนอย่าง โปแลนด์ที่กำลังกังวลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารรับจ้างแวกเนอร์กรุ๊ปจากรัสเซีย ที่เข้ามาลี้ภัยในเบลารุสหลังยุติความพยายามก่อรัฐประหารเมื่อช่วงปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุด นาย พาเวล ยา-บลอนสกี (Pawel Jablonsk) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่โปแลนด์จะปิดพรมแดนด้านที่ติดกับเบลารุสทั้งหมดเนื่องจากพบว่าทหารแวกเนอร์กรุ๊ปยังคงพยายามแทรมซึมเข้าสู่โปแลนด์ผ่านเบลารุส
อีกประเทศพันธมิตรของรัสเซียที่มีความเคลื่อนไหวทางทหารเช่นกัน คืออิหร่าน ซึ่งกองทัพเรือได้เริ่มนำโดรนและขีปนาวุธชุดใหม่พิสัยทำการ 1,000 กิโลเมตรเข้าประจำการแล้ว
โดย อาลีเรซา ทังซีรี (Alireza Tangsiri) ผู้บัญชาการกองทัพเรืออิหร่านระบุว่าขีปนาวุธชุดใหม่เหล่านี้มีพิสัยการยิงไกลขึ้นและมีความแม่นยำมากขึ้น
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของกองทัพเรืออิหร่านมีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯระบุว่าอาจจำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่ติดอาวุธและหน่วยนาวิกโยธินไปประจำการบนเรือพาณิชย์ที่ต้องแล่นผ่านช่องแคบฮอร์มุซ โดยสหรัฐฯอ้างว่าที่ผ่านมาอิหร่านพยายามยึดหรือก่อเหตุร้ายกับเรือเหล่านี้หลายครั้ง