สตม.จับ 2 อาชญากรรายสำคัญ หนุ่มจีน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ฟอกเงิน 2,500 ล้าน อีกราย มือขวาราชายาเสพติดแดนเกาหลีใต้ หนีหมายจับอินเตอร์โพลมาซุกเมืองพัทยา สุดท้ายไม่รอด
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติคดีสำคัญและเป็นอาชญากรมีหมายจับตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) รายแรก เป็นการจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งรับหน้าที่เป็นคนฟอกเงิน สืบเนื่องมาจาก สตม. ได้รับการประสานกับเอกอัครราชทูตจีน ประจําประเทศไทย ว่ามีอาชญากรรายสําคัญ คือ MR.XU WEI (นายซู เหวย) อายุ 40 ปี สัญชาติจีนซึ่งเป็นผู้รับหน้าที่ในการนำเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีฐานปฏิบัติอยู่ในประเทศกัมพูชา โดยพฤติการณ์ คือนำเงินจากการต้มตุ๋นหลอกลวงประชาชนจากแก๊งเซ็นเตอร์มาฟอกเป็นเงินสกุลลิจิตอล (BTCUSD) หรือ เงินบิตคอยน์ รวมมูลค่ากว่า 2,500 ล้าน โดยสามารถจับกุมได้ที่ คอนโดฯ หรูแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นอกจากนี้ไม่ใช่แค่การฟอกเงิน MR.XU WEI ( นายซู เหวย ) อายุ 40 ปี ยังเป็นคนคอยประสานงานกลุ่มชาวจีนเข้ามาซื้อทองคำและอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอีกด้วย
ส่วนรายที่ 2 เป็นการจับกุม MR. KIM JUNBEOM (นายคิม จุนบอม) อายุ 26 ปี ชาวเกาหลีใต้ ซึ่งถือว่ามือขวาราชายาเสพติดแห่งแดนโสมขาว และเป็นตัวการรายสำคัญของขบวนการลักลอบขนยาจากประเทศไทยส่งผ่านทางพัสดุไปยังประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งทางกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ณ กรุงโซล ต้องการได้ตัวผู้ต้องหารายนี้เป็นอย่างมาก สืบเนื่องมาจากกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ณ กรุงโซล ได้ทลายแห่งระบาดของยาเสพติดย่านสถานบันเทิงกังนัมและแทวอน จนสามารถจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดจําหน่ายยาเสพติดและผู้เสพยาเสพติดทั้งหมด 70 ราย ยึดของกลางยาเสพติดหลายประเภท มีมูลค่าสูงถึง 620 ล้านวอน ยึดเงินสดมูลค่า 19.15 ล้านวอน รวมเป็นเงินไทยกว่า 17 ล้านบาท อีกทั้งภายหลังทลายแก๊งยาเสพติดทางกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ณ กรุงโซล สืบทราบว่า MR. KIM JUNBEOM (นายคิม จุนบอม) อายุ 26 ปี ชาวเกาหลีใต้ ได้หลบหนีออกนอกประเทศ จึงได้ประกาศออกหมายแดงของตํารวจสากล (INTERPOL) อีกทั้งยังสืบทราบได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย ทางชุดสืบสวน สตม. จึงลงพื้นที่หาข่าวแกะรอยแหล่งกบดานจนสามารถตามไปจับกุมตัว MR. KIM JUNBEOM (นายคิม จุนบอม) ได้ที่บ้านพักในหมู่บ้านหรูย่านนาจอมเทียนต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยตำรวจได้แสดงหมายจับและดำเนินดคีในเรื่องของการอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่กำหนด (โอเวอร์สเตย์)
สำหรับ นายคิม จากการสืบสวนทราบว่า จะใช้แอปพลิเคชัน “เทเลแกรม” เพื่อติดต่อซื้อขายยาเสพติดกับลูกค้า และเมื่อมีการตกลงสั่งซื้อขายจะแบ่งยาเสพติดให้มีสัดส่วนที่เล็กลงและนําไปไว้ในสถานบันเทิงที่ลับตาคนที่ได้มีการนัดหมายกับผู้ซื้อไว้เพื่อหลบเลี่ยงตำรวจในการถูกจับกุม แต่ภายหลังถูกทางการเกาหลีทลายเครือข่ายยาเสพติดในประเทศบ้านเกิดก็หลบหนีเข้าในประเทศไทยแถมยังแอบลักลอบส่งยาเสพติด ส่วนใหญ่เป็นประเภท ยาไอซ์ ผ่านทางพัสดุส่งกลับไปยังประเทศเกาหลีใต้จนมาถูกตำรวจ สตม. จับกุมได้ในที่สุด
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีนโยบายให้เข้มงวดในเรื่องของกลุ่มอาชญากรที่เข้ามาในประเทศไทย อันดับแรกต้องยอมรับว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เปิดโอกาสที่กลุ่มคนเหล่านี้จะเข้าในประเทศก็มีอัตราเสี่ยงค่อนข้างสูง ซึ่งทาง สตม.ก็พยายามจะเข้มงวดในการตรวจอนุญาตผู้เดินทาง ซึ่งเราก็มีระบบอยู่แล้วใครที่มีหมายจับก็ไม่สามารถเข้าประเทศได้ แต่ถ้าหากไม่มีหมายจับเราก็สามารถเห็นได้ ซึ่ง พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม. เคยเดินทางไปยังประเทศจีนด้วยตนเองเพื่อปรึกษาหารือและวางมาตรการป้องกันของเครือข่ายอาชญากรรมชาวจีน อีกทั้งทาง สตม. ยังได้ร่วมบูรณาการกับโรงแรม สถานประกอบการทุกประเภทเพื่อให้รู้ตำแหน่งของกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยเพื่อง่ายต่อการติดตามจับกุมผู้ที่เข้ามาในประเทศไทยแล้วมาก่อเหตุอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ อีกด้วย