รอง ผบช.ภาค 8 เผย 3 ปมสังหารโหดเสี่ยสมพรรับเหมาเวียงสระ ขัดแย้งประมูลก่อสร้าง ชู้สาว หนี้สิน ชุดสืบพบพฤติการณ์แปลก 3 มือปืนใช้รถเก๋ง อาจเป็นคนในพื้นที่ เชื่อจับได้แน่ เตรียมขอออกหมายจับเร็วๆ นี้
ความคืบหน้ากรณี นายสมพร สินทอง หรือเสี่ยสมพร อายุ 44 ปี ชาว ต.ทุ่งหลวง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าของบริษัท มงคลชัย 99 การโยธา จำกัด รับเหมาก่อสร้างถนนและอาคาร, ร้านสมพรแซทเทิลไลน์ จำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า ถูกคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ใช้รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีเทาดำ ทะเบียน 7 กฎ 1674 กรุงเทพมหานคร ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. และ 11 มม. ประกบยิงกว่า 20 นัด เสียชีวิตในรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ แบบตอนเดียว สีเทาดำ ทะเบียน ผน 7240 สุราษฎร์ธานี กลางถนนข้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ หมู่ที่ 10 ต.บ้านส้อง เขตเทศบาลบาลตำบลเวียงสระ อ.เวียงสระ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดย น.ส.วรรณดี กิมเสาว์ หรือแหม่ม อายุ 45 ปี ภรรยา ระบุก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตเคยบอกมีผู้ลงขันจ้างฆ่า 3 คนมีเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรมอยู่เบื้องหลัง วงเงินค่าหัว 3 ล้านบาท ความขัดแย้งมาจากเรื่องการรับงานก่อสร้างถนน ซึ่งมีผู้หญิงโทรแจ้งเตือนให้ระวังตัวจนเกิดเหตุจริงนั้น
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 ที่ห้องประชุม สภ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 เป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี ประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8, พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน บก.สส.ภ.8 ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และชุดสืบสวน สภ.เวียงสระ เพื่อเร่งสืบสวนเบาะแสกลุ่มคนร้าย และสาเหตุการสังหารโหด ซึ่งได้เชิญ น.ส.วรรณดี ภรรยาของผู้เสียชีวิตมาให้ปากคำและข้อมูล
จากการสืบสวนล่าสุดพบว่า ช่วงเช้าวันเกิดเหตุ คนร้ายขับรถเก๋งมาจอดรอเฝ้าดูใกล้กับบ้านผู้เสียชีวิตตั้งแต่เวลา 06.00 น. กระทั่ง นายสมพรขับรถกระบะออกจากบ้านเวลา 08.50 น. จะไปดูหน้างานก่อสร้าง โดยใช้เส้นทางถนนสายบ้านส้อง-นาสาร ข้ามทางข้ามรถไฟไปยังถนนข้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวถนนโล่ง ไม่มีผู้ใช้ถนน และไม่มีรถสวนทาง จึงสบโอกาสลงมือประกบยิงทันที โดยหลังยิงครั้งแรกเสร็จ คนร้ายได้ขับรถเก๋งเลยไปประมาณ 40 เมตร แล้วเลี้ยวหัวรถย้อนกลับ โดยคนขับรถเก๋งเป็นคนยิงคนที่ 3 เปิดกระจกลงมาแล้วยื่นมือที่ถืออาวุธปืนยิงออกมาหลายนัด กระสุนเข้าซ้ำด้านเดิม และบางนัดทะลุกระโปรงหน้ารถด้านคนขับด้วย
จากนั้นรถเก๋งคนร้ายขับข้ามทางรถไฟไปทางตลาดน้ำป้าโส มุ่งหน้าออกไปถนนทางหลวงเอเชีย 41 โดยกล้องวงจรปิดจับภาพสิ้นสุดที่ถนนซอยอั้งยี่ เขตเทศบาลตำบลเวียงสระ ยังไม่พบความเคลื่อนไหวออกจากพื้นที่และป้ายทะเบียนรถเก๋งที่ใช้ก่อเหตุ ตรวจสอบแล้วเป็นป้ายทะเบียนปลอม นำเลขป้ายของรถยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี ของผู้อื่นมาใช้อำพรางการหลบหนี คาดว่ารถเก๋งคันดังกล่าวยังถูกซุกอยู่ในพื้นที่ และอาจถูกชำแหละแยกชิ้นส่วนเพื่อรีบทำลายวัตถุพยานแล้ว
ช่วงเช้าวันเดียวกัน พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ และ พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม รอง ผบก.สส.ภ.8 ได้นำชุดสืบสวนลงพื้นที่เกิดเหตุทำการจำลองเหตุการณ์ และตรวจสอบวิถีกระสุนการก่อเหตุของกลุ่มคนร้าย ซึ่งค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่ามีมือปืนทั้งหมด 3 คน โดยคนขับรถทำหน้าที่เป็นมือยิงและขับพาพวกก่อเหตุแล้วหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 ได้ลงตรวจหาพยานหลักฐานอีกครั้ง แต่ไม่พบอะไรเพิ่มเติม โดยพนักงานสอบสวนได้นำรถกระบะของผู้เสียชีวิตมาเก็บไว้ที่ลานจอดรถหน้า สภ.เวียงสระ เพื่อเป็นหลักฐานในคดี ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนไปดูจำนวนมาก
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ชุดสืบสวนมีข้อสังเกตกลุ่มมือปืนทั้ง 3 คน อาจจะเป็นคนในพื้นที่ เนื่องจากปกติมือปืนรับจ้างมักใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะที่ใช้ประกบยิงเป้าหมายได้แม่นยำ ใช้กระสุนไม่กี่นัด และหลบหนีได้สะดวกกว่า แต่การใช้รถเก๋งอาจเพื่อเป็นการอำพรางไม่ให้คนเห็นหน้า และต้องเป็นผู้จักเส้นทางหลบหนี หรือวางแผนมาอย่างดี เนื่องจากในเขตเทศบาลตำบลเวียงสระ มีรอยต่อกับอีก 2 เทศบาลมีเส้นทางที่มีถนนแยกหลายสาย รวมทั้งตรอกซอกซอยจำนวนมาก หากไม่ชำนาญเส้นทางอาจเกิดอุบัติชนกับรถคันอื่นระหว่างใช้ความเร็วหลบหนีได้ ซึ่งคนร้ายได้เลี้ยวกลับเส้นทางเดิมตามแผนที่วางไว้ เพื่อเปลี่ยนพาหนะหลบหนี หรือเข้าซุกซ่อนเก็บตัว ทำให้ตำรวจไขว้เขวสืบสวนได้ยากขึ้น
พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 หัวหน้าชุดคลี่คลายคดี เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า เรื่องนี้เป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญมาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เป็นห่วงได้สั่งกำชับเร่งรัดให้ติดตามจับกุมให้ได้ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งกำชับคดี และพล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 ได้มอบหมายให้ตนลงมาประชุมตำรวจชุดสืบสวนภาค 8 ตำรวจภูธรจังหวัด สภ.เวียงสระ และศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 โดยพยานหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุได้เก็บครบสมบูรณ์ และอาจจะมีการเก็บเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดไป ซึ่งในเรื่องของคดีที่เกิดขึ้นตำรวจภูธรภาค 8 ยืนยันว่าเราจับกุมได้แน่นอน
รอง ผบช.ภ.8 กล่าวต่อว่า ขณะที่ปมสังหาร ตำรวจพบปมความขัดแย้งที่อาจจะเป็นสาเหตุของการถูกลอบยิง 3 ประเด็นคือ เกี่ยวกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถนน ชู้สาว และหนี้สิน และในการสืบสวนได้กลุ่มผู้ต้องสงสัยที่อาจจะเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุ ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเชื่อมโยงว่ากลุ่มผู้ขัดแย้งลงมือก่อเหตุด้วยตนเอง หรือมีการจ้างวานบุคคลอื่น ตรงนี้จะต้องดูจากพยานหลักฐานให้ละเอียดอีกครั้ง และก็เป็นไปได้สูงว่ากลุ่มผู้ที่ก่อเหตุอาจจะเป็นกลุ่มมือปืนรับจ้างที่เรายังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกลุ่มในพื้นที่ หรือนอกพื้นที่ แต่ยอมรับว่ากลุ่มคนร้ายมีการวางแผนอย่างดี โดยเฉพาะประเด็นที่คนร้ายใช้รถยนต์ก่อเหตุในพื้นที่ชุมชนที่การจราจรพลุกพล่าน แม้จะไม่สะดวกในการหลบหนี แต่มีผลต่อการอำพรางรูปพรรณสัณฐานของผู้ก่อเหตุ ขอให้เชื่อมั่นว่าเราจะคลี่คลายคดีได้เร็วๆ นี้
“แม้ว่าขณะนี้เราจะยังไม่สามารถสรุปได้ว่าประเด็นมาจากประเด็นใด แต่ได้เฝ้าติดตามดูพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลในข้อพิพาท ทั้งเรื่องของการประมูลงาน ชู้สาว และหนี้สิน ส่วนกรณีรถยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ ได้เร่งรัดให้ชุดสืบสวนทั้งกองปราบปราม สืบภาค 8 และสืบสวนในพื้นที่ ออกติดตามค้นหา ถึงขณะนี้เชื่อว่าจะคงอยู่ในพื้นที่ ทางสืบสวนได้แบ่งมอบหน้าที่ทำงานกันทุกฝ่าย เพื่อให้ได้วัตถุพยาน ของกลาง และตัวบุคคล คาดว่าจะออกหมายจับได้เร็วๆ นี้” พล.ต.ต.วันไชย กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนได้พบประเด็นความขัดแย้งการประมูลงานก่อสร้างพบว่า บริษัทของนายสมพรได้งานก่อสร้างหลายแห่งใน อ.เวียงสระ ซึ่งล่าสุดได้ชนะงานก่อสร้างถนนในวงเงินไม่เกิน 10 ล้านในพื้นที่ และไปแข่งขันเบียดเอาชนะประมูลงานก่อสร้างโครงการไม่เกิน 5 ล้านบาท ในพื้นที่จังหวัดข้างเคียงที่มีนักการเมืองท้องถิ่นหมายมั่นไว้ และเกิดความขัดแย้งขึ้น ส่วนประเด็นชู้สาวได้พบมีการเปิดบริษัทอีกแห่งในจังหวัด โดยให้หญิงสาวคนสนิทดูแลเพื่อรับเหมาก่อสร้าง ล่าสุดศพนายสมพรได้ส่งไปชันสูตรที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี และผ่าตัดนำหัวกระสุนออกแล้วเสร็จ เพื่อให้ญาติมารับนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.