รัฐบาลเคียฟปฏิเสธการมีความเกี่ยวข้อง กับเหตุการณ์โดรน 2 ลำ ซึ่งรัสเซียกล่าวหาว่า เป็นของยูเครน และต้องการโจมตีทำเนียบเครมลิน “เพื่อลอบสังหาร” ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ว่าทำเนียบเครมลินออกแถลงการณ์ ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยิงทำลายอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน จำนวน 2 ลำ ซึ่งมีทิศทางบินตรงมายังทำเนียบเครมลิน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อมทั้งประณามว่า การโจมตีดังกล่าวของโดรนเป็นการเตรียมการล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี “โดยยูเครน” มีเป้าหมายมุ่งไปที่ชีวิตของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย
หลังจากนี้ ฐบาลมอสโก “มีความชอบธรรม” ที่จะตอบโต้ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว “ไม่ว่าที่ไหนและเมื่อใดก็ตาม” โดยในเบื้องต้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติการ “ต่อต้านการก่อการร้าย” แล้ว ด้านนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ยืนยันว่า ปูตินไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบเครมลินขณะเกิดเหตุ แต่อยู่ที่บ้านอีกหลังในกรุงมอสโก และผู้นำรัสเซียจะเข้าร่วมงานพาเหรดของกองทัพ เนื่องใน “วันแห่งชัยชนะ” ตรงกับวันที่ 9 พ.ค. นี้แน่นอน
อนึ่ง ก่อนเกิดเหตุเพียงไม่กี่ชั่วโมง นายเซอร์เก ซอบยานิน นายกเทศมนตรีกรุงมอสโก ประกาศห้ามการบินโดรนเหนือเมืองหลวงของรัสเซีย
ต่อมา ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ยืนยันว่า รัฐบาลเคียฟไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เป้าหมายของยูเครนมีเพียง “การปกป้องอธิปไตยของชาติเท่านั้น” ส่วนนายมิไคโล โพโดลยัก หนึ่งในที่ปรึกษาของเซเลนสกี กล่าวว่า รัสเซีย “จัดฉาก” เหตุการณ์ที่ทำเนียบเครมลิน ซึ่งเกิดขึ้นไม่นาน ก่อนกองทัพยูเครนเตรียมเปิดฉากปฏิบัติการโต้กลับ ในสมรภูมิภาคตะวันออก
ขณะที่กองทัพยูเครนรายงาน ว่ากองทัพรัสเซียปฏิบัติการโจมตีภูมิภาคเคียร์ซอน ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 ราย โดยก่อนหน้านั้นไม่นาน ทางการภูมิภาคเคียร์ซอนประกาศเคอร์ฟิวเป็นเวลา 58 ชั่วโมง ระหว่างวันศุกร์ที่ 5 พ.ค. จนถึงวันจันทร์ที่ 8 พ.ค. ซึ่มีการวิเคราะห์ว่า “เป็นสัญญาณ” การเตรียมพร้อมรับมือกับปฏิบัติการโจมตีโต้กลับของยูเครน
ทั้งนี้ เคียร์ซอนเป็นหนึ่งในภูมิภาคแห่งแรกของยูเครน ที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของกองทัพรัสเซีย ซึ่งเปิดฉากปฏิบัติการทางทหาร เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2564 ก่อนที่ยูเครนกระชับพื้นที่กลับคืนมาได้ เมื่อเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว.
เครดิตภาพ : AFP