ชาวรัสเซียนับล้านคนต้องเผชิญมาตรการควบคุมโควิด-19 เพิ่มเติม หลังการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า, จำนวนผู้ติดเชื้อ และความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล ทำให้ประเทศตกสู่การระบาดครั้งเลวร้ายที่สุด
สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ผู้ว่ากรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย มีคำสั่งเมื่อวันอังคารที่ 19 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมาให้ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมทั้งผู้ป่วยเรื้อรังที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน อยู่แต่ในบ้านเป็นเวลา 4 เดือนจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ในวันพุธ ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน อนุมัติข้อเสนอของรัฐบาลที่ต้องการให้ประกาศ วันหยุดทำงาน ทั่วประเทศอีกครั้ง ตั้งแต่ 30 ต.ค. จนถึง 7 พ.ย. เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกล่าสุด โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศเริ่มออกมายอมรับแล้วว่า สถานการณ์ในประเทศกำลังวิกฤติ
ทั้งนี้ รัสเซียรายงานพบผู้ติดเชื้อมากกว่าวันละ 30,000 รายต่อเนื่องเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว และมีผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดยในวันพุธพวกเขามีผู้เคราะห์ร้ายถึง 1,028 ศพ ทุบสถิติสูงสุด โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวโทษว่าที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ความล่าช้าของโครงการฉีดวัคซีน ซึ่งจนถึงตอนนี้มีผู้ฉีดครบ 2 โดสเพียงประมาณ 30% และความล่มเหลวในการสื่อสารของรัฐบาล ทำให้ประชาชนกังขาในประสิทธิภาพของวัคซีน
นาย วาซิลี วลาสซอฟ นักอุตุนิยมวิทยาชาวรัสเซีย อดีตที่ปรึกษาขององค์การอนามัยโลก เชื่อว่า ประเทศกำลังตกลงสู่หายนะ และตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการของรัสเซียก็ไม่ตรงกับความเป็นจริง “เช่น นาย เอ เสียชีวิตเพราะระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเนื่องจากโควิด เขากลับได้รับการบันทึกว่า เป็นผู้เสียชีวิตเพราะระบบทางเดินหายใจล้มเหลว”
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รัฐบาลรัสเซียเริ่มยอมรับในความหนักหน่วงของวิกฤติที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น นายกรัฐมนตรี มิคาอิล มิชูสติน ระบุว่า ภาระของสถาบันการแพทย์ต่างๆ กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ขณะที่นาย อังเดรย์ คลิชคอฟ ผู้ว่าฯ แคว้นโอริออล ก็เพิ่งออกมาเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่า โรงพยาบาลในแคว้นของเขารับผู้ป่วยโควิดเพิ่มไม่ได้แล้ว
“สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ เราเตรียมเตียงไว้รองรับ 1,854 เตียง วันนี้เราไม่มีเตียงว่างเหลือแล้ว แน่นอนว่าเราจะทำให้เตียงว่างมากที่สุดที่ทำได้ เรากำลังมองหาตัวเลือด แต่ ณ ตอนนี้ ไม่มีเตียงเหลือแล้ว และนี้ทำให้ความกังวลเพิ่มสูงขึ้น” นายคลิชคอฟกล่าว