รุ้ง-23 องค์กร นศ. ฮือค้านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ย้ำกระบวนการไต่สวนไม่เป็นธรรม

23 องค์กร นศ. ฮือค้านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ย้ำกระบวนการไต่สวนไม่เป็นธรรม ปราศจากเจตนาล้มล้างการปกครองฯ หมดสิ้นศรัทธาอำนาจตุลาการ-นิติศาสตร์ไทย เตือนระวังกระแสลมจะทวีจนกลายเป็นพายุ มือเกรียนแฮ็กป่วนเว็บศาล รธน. พ่นสีสเปรย์ทับป้ายคณะนิติฯ มข. “ตู่” ปลื้ม นศ.วปอ.ร้องปลุกใจ “บ้านเกิดเมืองนอน” ย้ำทุกคนอยู่ใต้ ก.ม.เดียวกัน “วิษณุ” เตือนต่อไปชุมนุมต้องระวัง “บิ๊กป้อม” เชื่อจากนี้ม็อบไม่แรงแล้ว ก้าวไกลตอบโต้ “ณฐพร” จ้องร้องยุบพรรค ฉะปั้นข้อหาเท็จ-จ้องทำลาย

ต่อมขยันเริ่มทำงาน รมต.พาเหรดตอบกระทู้ “พี่ใหญ่” แจงเลี้ยงพรรคร่วมต้องมีนายกฯ เป็นไปตามคาดกับแรงกระเพื่อมหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการจัดชุมนุมเสนอปฏิรูปสถาบัน เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองฯ ขณะที่เครือข่าย 23 องค์กรนักศึกษา ออกแถลงการณ์คัดค้าน ย้ำเป็นกระบวนการไต่สวนที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกร้อง ยืนยันต้องการสถาบันฯคงอยู่สถาพร

23 องค์กร นศ.ฮือค้านคำวินิจฉัย

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 11 พ.ย. น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล “รุ้ง” นักศึกษาคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม โพสต์เอกสารแถลงการณ์ร่วม 23 องค์กรนิสิต นักศึกษา ปฏิเสธคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ลงในไลน์กลุ่ม “สื่อมวลชน นักศึกษานักกิจกรรม” ใจความสำคัญระบุว่า องค์กรนักศึกษาทั้ง 23 แห่ง ขอปฏิเสธกระบวนการไต่สวนที่ไม่เป็นธรรมและคำวินิจฉัยดังกล่าว ยืนยันว่า 10 ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นข้อเสนอที่จะทำให้สถาบันฯ คงอยู่สถาพรในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างสง่างาม สมกับพระเกียรติยศที่สมเด็จบูรพกษัตราธิราชเจ้าทรงดำรงไว้ตั้งแต่ครั้งอดีต ผู้ถูกร้องทั้งสามและผู้ชุมนุม เพียงหวังให้สถาบันฯของเราปราศจากมลทินและข้อครหาที่จะทำให้พระบรมเดชานุภาพเสื่อมเสีย นำมาสู่เหตุผล 5 ประการ ขอปฏิเสธกระบวนการไต่สวน และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

กระบวนการไต่สวนไม่เป็นธรรม

แถลงการณ์ยังระบุว่า 1.ผู้ถูกร้องทั้ง 3 คน มิได้รับโอกาสขอไต่สวนเพิ่มเติม สู้คดีแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ด้วยการสั่งงดการไต่สวน โดยอ้างว่าพยานหลักฐานข้อเท็จจริงเพียงพอต่อการวินิจฉัยแล้ว อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญยังยกคำร้องขอเบิกตัวนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก ที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจึงมิอาจเรียกได้ว่ากระบวนการไต่สวนในครั้งนี้เป็นกระบวนการอันสถิตไว้ซึ่งความยุติธรรม 2.ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยึดถือหลักการที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง คือ The king can do no wrong ทรงมีพระราชอำนาจจำกัดเท่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เนื่องจากต้องทรงดำรงพระองค์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และดำรงพระราชสถานะเป็นประมุขของประเทศ ดังนั้น การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ จุดมุ่งหมายมิใช่เพื่อหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

ย้ำปราศจากเจตนาล้มล้างฯ

3.ถ้อยวลีคำว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ปรากฏขึ้นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญปี 2492 อันเป็นผลพวงมาจากการรัฐประหารปี พ.ศ.2490 มิใช่ตามรัฐธรรมนูญปี 2475 ตามที่มีการกล่าวอ้างในคำวินิจฉัย จึงไม่อาจเชื่อถือได้ 4.รัฐธรรมนูญทุกฉบับสะท้อนถึงเจตนารมณ์ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยมาตลอด เพียงแต่ผู้ใช้อำนาจนั้นคือ พระมหากษัตริย์ ผ่านกลไกภายใต้รัฐธรรมนูญ และ 5.การเคลื่อนไหวทางการเมืองและการชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็น อันได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญทุกประการ ปราศจากเจตนาล้มล้างการปกครองประเทศ มิใช่เป็นการกระทำอันก่อให้เกิดการรัฐประหารเฉกเช่นอดีตที่ผ่านมา

กระแสลมจะทวีกลายเป็นพายุ

“ฉะนั้นการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้เป็นการด้อยค่าสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ทำให้ประชาชนหมดสิ้นศรัทธาที่มีต่ออำนาจตุลาการ และวงการนิติศาสตร์ประเทศไทย เมื่อลมวสันตฤดูแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดพามาสู่ดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้แล้ว ท่านมิอาจสร้างกำแพงขวางกั้นลม มิเช่นนั้นกระแสลมนี้จะทวีความรุนแรงเป็นพายุที่พัดพาเศษซากศักดินาล้าหลัง ให้พากันพังทลายลงไปทั้งระบบ เมื่อเลือดราษฎรที่ถวิลหาประชาธิปไตย ถูกทำให้หลั่งลงบนผืนแผ่นดินนี้ สิ่งที่ท่านได้กลับมาจะมีเพียงสิ่งเดียว คือไฟโลกันตร์แห่งการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน จะลุกโชนขึ้นอย่างควบคุมมิได้” แถลงการณ์ระบุ

เกรียนแฮ็กป่วนเว็บศาล รธน.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงสายวันเดียวกัน หน้าเว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญถูกมือดีแฮ็ก เมื่อคลิกเข้าสู่หน้าเว็บศาลรัฐธรรมนูญจะปรากฏคลิปเพลงจากช่องยูทูบ Death Grips ชื่อเพลง Guillotine (It goes Yah) ความยาว 3.47 นาที และยังถูกเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์เป็น “Kangaroo Court” ด้วย

พ่นสเปรย์ทับป้ายคณะนิติฯ มข.

ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบมีการพ่นสเปรย์สีแดง ระบุข้อความ “นิติจอมปลอม” และ “ปฏิรูปศาล” ที่ป้ายคณะนิติศาสตร์ และอักษรย่อของคณะ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ไม่เห็นด้วยต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังพบมีการพ่นสีสเปรย์บริเวณกำแพง ม.ขอนแก่น แต่เจ้าหน้าที่ได้ทำการลบไปหมดแล้ว นายวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง หรือเซฟ แกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที กล่าวว่า กลุ่มต่างๆใน จ.ขอนแก่น ได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทั้งการติดป้าย การพ่นสี ตามสถานที่ราชการสำคัญ เพื่อแสดงจุดยืนไม่รับคำวินิจฉัยของศาล รธน. เรายังคงเคลื่อนไหวต่อ เดินหน้าสนับสนุนให้เข้าชื่อเพื่อยกเลิก ป.อาญา มาตรา 112 ไม่ได้ขัดต่อคำวินิจฉัยแต่อย่างใด เพราะการเสนอกฎหมาย หรือแก้ไขกฎหมาย เป็นไปตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้

วปอ.ปลุกใจ “บ้านเกิดเมืองนอน”

ช่วงสายที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 64 จากนั้นนักศึกษา วปอ.ได้ร่วมขับร้องเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” นายกฯกล่าวหลังเพลงจบว่า อ่านเนื้อร้องแล้วคิดตามไป วันนี้ต้องร่วมกันสร้างสิ่งที่เรามีอยู่ปัจจุบันให้เข้มแข็ง แข็งแรงที่สุด ทุกส่วนงานต้องมุ่งมั่นรักษาแผ่นดินนี้ไว้ เป็นแผ่นดินเดียวที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน สิ่งสำคัญที่ทุกคนอาจลืมไปแล้ว ประเทศไทยสามารถรักษาอิสระไม่เป็นเมืองขึ้นใครด้วยพระสติปัญญาพระมหากษัตริย์ในอดีต และประเทศไทยไม่มีความขัดแย้งใดๆจวบจนถึงรัชกาลปัจจุบัน และสถาบันพระมหากษัตริย์สร้างคุณประโยชน์มากมาย ฉะนั้นทุกคนต้องนำมาขับเคลื่อน สืบสาน รักษา ต่อยอด ประเทศไทยจึงจะเข้มแข็ง

“ตู่” ย้ำทุกคนอยู่ใต้ ก.ม.เดียวกัน

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวบรรยาย “บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมืองในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ” ว่า วันนี้เราทุกคนอยู่ภายในกฎหมายเดียวกัน คือความเท่าเทียมในเรื่องของโอกาส กฎหมาย ความเป็นธรรม เรากำลังเผชิญภัยคุกคามใหม่ที่มีหลายมิติ เราต้องป้องกัน “ความมั่นคงแบบองค์รวม” เราต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีความหลากหลาย มีความแตกต่างทางความคิด การปฏิบัติ ให้เป็นคนเก่ง คนดี มีวินัย ยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม เคารพกฎหมาย ที่สำคัญคือรอยยิ้มที่ไม่เสแสร้ง “เวลาผมยิ้มให้ใครก็ไม่เสแสร้ง บางคนติงมาว่ายิ้มน้อย จ้องจับตาทุกอิริยาบถ บางทีมันก็เคร่งเครียดบ้าง” ทั้งนี้ในช่วงท้ายนายกฯกล่าวแสดงความเป็นห่วงเรื่องการยืนในโรงหนัง มีคนที่อยากยืนแต่ไม่กล้ายืน อยากขอทุกคนกล้าหาญที่จะยืน

“วิษณุ” เตือนชุมนุมต้องระวัง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยการชุมนุมของกลุ่มราษฎร เสนอปฏิรูปสถาบันฯ เป็นการล้มล้างการปกครองว่า ยังไม่เห็นคำวินิจฉัยเต็ม คำร้องดังกล่าวร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ไม่มุ่งหวังให้มีความผิดทางอาญา เรื่องความผิดอาญาคงต้องว่ากันต่างหาก แต่จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แสดงให้เห็นว่าคนที่กระทำเช่นนั้นต้องระวัง อ้างสิทธิเสรีภาพเหมือนที่เคยทำไม่ได้ เพราะถูกชี้ว่าไม่ใช่การใช้สิทธิเสรีภาพในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการชุมนุมครั้งต่อไปต้องระวังมากขึ้น

“ป้อม” เชื่อจากนี้ม็อบไม่แรง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการควบคุมการชุมนุมหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า เป็นเรื่องของตำรวจและทหารต้องไปดูกัน ต้องทำตามคำวินิจฉัย เมื่อถามว่าประเมินว่าสถานการณ์อาจรุนแรงขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่รุนแรงหรอก เมื่อศาลวินิจฉัยออกมาเช่นนั้นก็ถือว่าจบแล้ว ฝ่ายความมั่นคงมอนิเตอร์ตลอดทุกเรื่อง เมื่อถามว่าต้องดูถึงพรรคที่ให้การสนับสนุนเรื่องประกันตัว พล.อ.ประวิตรตอบว่า ต้องดูตลอด ดูทุกเรื่อง

ก้าวไกลตอบโต้คำร้องยุบพรรค

ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นำทีม ส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงตอบโต้นายณฐพร โตประยูร เดินหน้าร้อง กกต.พิจารณายุบพรรคก้าวไกลว่า พรรคเห็นว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ อาจส่งผลให้การหาทางคลี่คลายทางการเมืองในปัจจุบันยิ่งแคบลง หลังจากนี้รัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม จะนำคำวินิจฉัยนี้ไปเป็นฐานกล่าวหาโจมตีการแสดงออกของประชาชน และเยาวชนแบบเหมารวมว่าเป็นขบวนการล้มล้างการปกครอง และอาจเกิดการขีดเส้นแบ่งทางการเมืองแบบสุดขั้วรุนแรงขึ้น ระหว่างขบวนการล้มล้างการปกครองปีกหนึ่ง กับอีกขั้วหนึ่งปกป้องระบอบการปกครอง พรรคเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา อย่ามองว่านี่เป็นภัยของชาติ อย่ามองอนาคตของชาติเป็นศัตรู ต้องพยายามแสวงหากุศโลบายที่ดี ในการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ให้ได้

ฉะปั้นข้อหาเท็จ-จ้องทำลาย

นายชัยธวัชกล่าวว่า แต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญจะยิ่งทำให้สังคมไทยหนีห่างจากเส้นทางนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจส่งผลให้เกิดความรุนแรงในสังคมในอนาคต หากเป็นเช่นนั้นศาลรัฐธรรมนูญและเครือข่าย ต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ ส่วนข้อกล่าวหาในการยุบพรรคก้าวไกล ยังยืนยันว่าไม่เข้าเหตุในการยุบพรรค เป็นการใช้สิทธิและทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส.ที่ดีของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ หากจะบอกว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง หลังจากนี้สังคมไทยต้องระบุให้ชัดเจนว่า ข้อหาไหนบ้างต้องไม่ได้รับสิทธิประกันตัวโดยเด็ดขาด และการเสนอกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ข้อกล่าวหาเหล่านั้นเป็นการกล่าวหาเท็จ มีเจตนาที่จะทำลายล้างทางการเมือง เราไม่กังวลแต่ไม่ประมาท มีการเตรียมพร้อม เราจะต่อสู้อย่างถึงที่สุดไม่ว่าจะมีแรงเสียดทานอย่างไร พรรคยังยืนยันจะต่อต้านการปกครองของเผด็จการ และฝ่ายอนุรักษนิยม เราจะสู้เพื่อพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน หากถอยห่างจากหลักการนี้คงไม่มีเหตุผลที่จะมีพรรคการเมืองอย่างพวกเราอยู่

พท.สั่งตรวจสอบยิบคำวินิจฉัย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเด็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีความละเอียดอ่อนมาก พรรคมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาอย่างละเอียด ก่อนจะมีท่าทีออกไป โดยเฉพาะประเด็นที่มีความเห็นต่างว่าการพิจารณามีความครบถ้วนรอบด้านหรือไม่ โดยเฉพาะการไต่สวนผู้ถูกร้อง หรือพยาน พรรคไม่ได้โต้แย้งคำวินิจฉัย แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือการนำไปสู่ความแตกแยก หรือมีเหตุบานปลาย โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษาที่เป็นผู้ถูกกล่าวหา และไม่ยอมรับคำวินิจฉัยศาล จะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันคิด ใช้สติปัญญาหาทางออกให้ประเทศ สร้างพื้นที่ปลอดภัยเหมือนที่พรรคเพื่อไทยกำลังทำ คือการส่งญัตติ ให้สภาฯพิจารณาตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเรื่องนี้เพื่อเป็นทางออก

มั่นใจไม่กระทบการแก้ ม.112

เมื่อถามว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกระทบกับสิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นสะพานเชื่อมเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ในสภาฯหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า ไม่กระทบ สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเสนอญัตติเข้าสภาฯมาจากข้อเสนอกลุ่มพลเมืองเพื่อผู้ต้องขังทางการเมืองให้ได้รับสิทธิประกันตัว ไม่ใช่เรื่องล้มสถาบัน สิ่งที่พรรคทำคือการยื่นญัตติด่วนขอตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาสิ่งที่เป็นปัญหา เช่น กระบวนการการบังคับใช้กฎหมาย การให้สิทธิประกันตัว เรื่องพวกนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาฯได้เพื่อมีข้อเสนอให้รัฐบาลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป ไม่ได้บังคับศาล เพราะการวินิจฉัยคำพิพากษาทางคดีก้าวล่วงไม่ได้ แต่ก้าวล่วงกระบวนการได้ ไม่เกี่ยวกับคำวินิจฉัย การดูคำวินิจฉัยต้องดูองค์รวม ไม่ใช่ดูเฉพาะประเด็น

“ระวี” หนุนเอาผิดอาญาต่อ

นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีข้อสังเกต 3 ประเด็น คือ 1.การชุมนุมปราศรัยของแกนนำทั้ง 3 คน มีการดูหมิ่นชัดเจน 2.แม้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นบรรทัดฐาน แต่คงไม่สามารถนำไปเทียบเคียงกับกรณีอื่นได้ทุกกรณี 3.นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ร้องคดี มีสิทธิเรียกร้องต่ออัยการ ตำรวจ ศาล เพื่อตั้งข้อหาหรือดำเนินคดีอาญาต่อไปได้

“เสรี” ชี้ลงโทษคนผิดตาม ก.ม.

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยมากขึ้น ใครที่ยังบังอาจฝ่าฝืนกฎหมาย และกระทำผิดกฎหมายอีก เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด จริงจัง เอาคนผิดมาดำเนินคดีลงโทษตามกฎหมายต่อไป หากเจ้าหน้าที่คนใดเพิกเฉย ละเลย เฉื่อยชา ถือว่าเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จะกลายเป็นคนผิดเสียเอง ส่วนคนที่กระทำผิด รวมถึงผู้สนับสนุน ใช้ จ้าง วาน ยุยงส่งเสริมให้กระทำผิด ต้องถูกดำเนินคดี และต้องรับผิดชอบในการกระทำ กฎหมายต้องคุ้มครองคนสุจริต และคนที่ไม่ได้กระทำความผิด

“สมเจตน์” ขู่แก้ 112 อาจโดนอาญา

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว. กล่าวว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นผู้เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันต้องระวัง ส่วนการแก้ไข ป.อาญา มาตรา 112 แม้คำวินิจฉัยจะไม่ปิดประตูตาย แต่การดำเนินการไม่ง่ายนัก ทุกองค์กร รวมถึงรัฐสภาต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัย การดำเนินการที่ใกล้เคียงอาจนำไปสู่การฟ้องร้องว่าล้มล้างการปกครอง ในประเด็นคดีความมั่นคง คดีอาญาได้ ทุกฝ่ายต้องระวัง ส่วนกลุ่มผู้เรียกร้องเตรียมชุมนุมคัดค้านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญนั้น การชุมนุมหลายครั้งไม่มีความสงบ แม้จะระบุเรียกร้องตามสิทธิเสรีภาพ แต่เป็นการก่อความวุ่นวาย เป็นหน้าที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหา

รมต.ต่อมขยันตื่นไม่เมินกระทู้

เมื่อเวลา 10.45 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานที่ประชุม มีรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ถามสดอย่างพร้อมเพรียงครบทั้ง 3 กระทู้ หลังเกิดปัญหาโดดตอบกระทู้เมื่อสัปดาห์ก่อน เริ่มที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ชี้แจงกระทู้ปัญหาสิทธิที่ดินทำกิน ของนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ มาชี้แจงกระทู้สดราคาข้าวตกต่ำ ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ตอบกระทู้ปัญหาราคาน้ำมันแพง ของนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย

“จุรินทร์” แจงยิบข้าวราคาตก

นายจุรินทร์ชี้แจงปัญหาราคาข้าวว่า ราคาข้าวขึ้นอยู่กับปริมาณความชื้น จะเอาข้าวที่มีความชื้นมาเทียบราคาข้าวแห้งที่ไม่มีความชื้นไม่ได้ เรื่องเงินประกันรายได้ชาวนาวงเงิน 13,000 ล้านบาท จะจ่ายให้ 33 งวด งวด 1-2 จ่ายไปแล้ว เมื่อวันที่ 9-10 พ.ย. งวดที่เหลือจ่ายสัปดาห์ละครั้ง จ่ายครั้งละเท่าใดขึ้นอยู่กับราคาข้าวที่เป็นจริง การแก้ปัญหาระยะกลางและระยะยาว ได้วางยุทธศาสตร์ลดต้นทุนผลิตจาก 6,000 บาทต่อไร่ เหลือ 3,000 บาทต่อไร่ ภายใน 5 ปี พัฒนาพันธุ์ข้าวให้ได้มาตรฐาน เตี้ย สั้น ดก ดี ภายในปี 2567 ต้องมีข้าวพันธุ์ใหม่ 12 พันธุ์ เพื่อให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก 465 กิโลกรัม เป็น 500 กิโลกรัม ใช้ยุทธศาสตร์การตลาดนำ

“อุเทน” แนะรัฐซื้อตัดคนกลาง

นายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตหัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวว่า การแก้ปัญหาราคาผลผลิตเกษตร ทั้งโครงการประกันราคา หรือโครงการรับจำนำสร้างหายนะแก่ประเทศ งบฯรั่วไหลง่าย ทางออกที่ดีรัฐบาลต้องใช้โครงการแทรกแซงราคาข้าวเปลือก โดยให้จังหวัด อำเภอ รับซื้อข้าวเปลือกในราคาสูงกว่าตลาด 5-8% ทุกวัน จนกว่าราคาอยู่ในระดับที่น่าพอใจตามสภาพกลไกตลาด เก็บข้าวไว้ที่ไซโลกลาง และเปิดให้โรงสีหรือเอกชนมาซื้อต่ออีกทอดในราคาที่สูงกว่า ตัดระบบคนกลาง ใช้งบฯน้อยไม่สิ้นเปลือง โปร่งใส ไม่ใช่เปิดให้กระทรวงพาณิชย์ของบฯเพิ่มอีก รัฐบาลแก้ปัญหาแบบนี้บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย รัฐบาลจะนำเงินมาจากไหน สร้างหนี้ใช้หนี้กันอีกเท่าไหร่อย่างไร

ลั่นเลี้ยงพรรคร่วมต้องมีนายกฯ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 26 พ.ย. ว่า ต้องเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เข้าร่วม ไม่เชิญได้อย่างไร เชิญ ครม.-ส.ส.ด้วยเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ และคุยกันว่าประชาชนต้องการอะไร

“จิรัฏฐ์” ตามขยี้ตู้ไวน์ห้อง กกต.

อีกเรื่องนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกลแถลงว่ากรณีปรากฏภาพตู้แช่ไวน์ ในห้องทํางานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะ ที่ได้ติดตามงบประมาณตั้งแต่เข้ามาทําหน้าที่ ส.ส. จนถึงปัจจุบัน ไม่พบว่าองค์กรอิสระ รวมถึง กกต. ขอจัดสรรงบฯซื้อตู้แช่ไวน์ ฝากข้อสงสัยว่าอยากรู้ ดื่มตอนไหนเวลาเปิดทําการของศูนย์ราชการฯเริ่ม 07.00-17.00 น. ดื่มอย่างไร ตรงไหน จะบอกว่า แค่มาฝากแช่ไว้เฉยๆก็ผิดอยู่ดีดื่มกับใครมีตู้แช่ไวน์ อยู่ในห้องทํางานของหน่วยงานราชการได้อย่างไร ในศูนย์ราชการฯมีแค่ผู้เดียวหรือไม่ กกต.มีได้ หน่วยงานอื่นมีได้หรือไม่ กกต.มีทั้งหมด 7 คนอีก 6 ห้องที่เหลือมีหรือไม่ ต้องเสียบปลั้กตลอด 24 ชั่วโมงรักษาอุณหภูมิให้คงที่ นั่นคืออภินันทนาการ จากภาษีของประชาชน หวังว่าองค์กรอิสระอื่นที่ มีหน้าที่ตรวจสอบ กกต. ป.ป.ช. และ สตง. จะทํางาน สุดความสามารถให้คลายสงสัยได้

“สมชัย” ป้องเอาไว้แช่น้ําผลไม้

วันเดียวกันนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผอ. ศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนาม.รังสิตและอดีต กกต. เดินทางไปยังสํานักงานกกต. ร่วมรับประทาน อาหารกับนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏกกต.เพื่อไลฟ์ผ่าน โซเชียลมีเดีย พิสูจน์ตู้ไวน์ในห้องทํางานตามคําเชิญ นายสมชัยกล่าวว่านายฐิติเชฏฐ์ไม่สะดวกขอยกเลิกนัด ไม่อยากให้มีการไลฟ์ ต้องขอโทษคนรอดูที่อยากรู้ ว่าในตู้มีอะไรแต่เชื่อว่าในตู้คงมีแค่น้ําผลไม้ หรือ น้ําเปล่าเสียดายโอกาสที่จะได้พิสูจน์ ถูกตัดไมตรี ทําให้ต้องไปหาข้าวทานเอง ถ้าบอกว่าเอาไว้แช่น้ําเปล่าก็ไม่ผิด เพราะเป็นตู้เย็นประเภทหนึ่ง แต่ เป็นเรื่องเกินความพอดี ขึ้นอยู่กับสํานักงานกกต. จะ พิจารณา ภาพที่ออกไปคนที่เป็นองค์กรอิสระควร ระมัดระวังอาจทําให้คนอื่นเข้าใจผิด อยากให้นาย ฐิติเชฏฐ์ ชี้แจงกับสื่อ และน้อมรับคําวิพากษ์ วิจารณ์ดีกว่าปล่อยเรื่องผ่านไปตนกับนายฐิติเชฏฐ์ เป็นเพื่อนรักรู้จักกันนายฐิติเชฏฐ์กล่าวกับตนทํานอง ว่าผิดอะไรหรือที่มีตู้ไวน์แช่น้ําผลไม้