พายุถล่ม “ไทรโบราณสภา” ล้ม 2 ต้น ข้าราชการ ลือ อาเพศ กระทบรัฐบาล ก่อนโหวตลงมติ ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรุ่งนี้ แค่วันเดียว ขนลุก! เห็น “ตา-ยาย” ห่มสไบสีม่วง มาปรากฏให้เห็นบ่อยครั้ง
วันที่ 22 ก.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า หลังจากที่พายุถล่ม กทม.เมื่อ 2 วัน ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ต้นไทรโบราณ ที่ปลูกอยู่บริเวณสนาม หน้าอาคารพระสุริยันต์ ได้โค่นล้มลง 2 ต้น และทำให้กิ่งก้านสาขาของต้นไทรโบราณดังกล่าวหักล้มระเนระนาด แม้ว่า บริษัทผู้รับเหมาดูแลต้นไม้จะมีการนำเหล็กกล่องและเหล็กไอบีมมาค้ำยัน บริเวณลำต้นของต้นไทรดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่ไม่สามารถป้องกันได้ไม่ให้ล้มลงมา
ทั้งนี้ กลุ่มต้นไทรโบราณเป็นต้นไม้เดิมในพื้นที่คาบเกี่ยว ระหว่างโรงเรียนโยธินบูรณะ กับโรงเรียนขนส่งกองทัพบก (ขส.ทบ.) ก่อนที่จะมีการสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งตามสัญญาก่อสร้างเดิมกำหนดว่า ต้นไม้ในส่วนนี้ ต้องขุดไปอนุบาลก็ต้องดูแลรักษาให้มีชีวิตรอด แล้วนำกลับมาปลูกตามตำแหน่งแบบแปลนที่ได้รับการอนุมัติภายหลัง ซึ่งกลุ่มต้นไทรดังกล่าวนี้ ถูกขุดล้อมนำออกไปก่อนหน้านี้ และนำกลับมาปลูกใหม่อีกครั้ง หลังจากมีการปรับภูมิทัศน์ด้านบน และก่อสร้างลานจอดรถชั้นใต้ดินใต้อาคารรัฐสภาแห่งใหม่แล้ว โดยมีการรักษาระบบรากและค้ำยันให้มีชีวิตรอด จนสามารถมีชีวิตรอดมาได้ 4 ปีแล้ว จนมาล้มลงจากแรงพายุลมฝนเมื่อคืนวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายสรศักดิ์ เพียรเวช อดีตเลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร เคยเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า กลุ่มต้นไทรเหล่านี้เป็นต้นโบราณที่ปลูกในพื้นที่มานานร่วม 100 ปี วันดีคืนดี จะมีคนงานก่อสร้างและ รปภ. เคยเห็นตา-ยาย ห่มสไบสีม่วง มาปรากฏให้เห็นบ่อยครั้ง จนทางสภาต้องตั้งศาลเจ้าที่ตา ยาย ชั่วคราว จนเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพิ่งจะเป็นประธานในพิธีทำการย้ายศาลดังกล่าวไปประดิษฐานอยู่ใกล้ศาลพระภูมิเจ้าที่ บนเนินใกล้วงเวียนดอกบัวทางเข้าอาคารพระสุริยันต์
จากเหตุดังกล่าว ทำให้บรรดาข้าราชการรัฐสภาต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า น่าจะเป็นเหตุอาเพศ เพราะสอดรับกับสถานการณ์การเมืองปัจจุบันในช่วงปลายรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กระแสความนิยมลดลงในสายตาของประชาชนจนสะเทือนถึงเสถียรภาพความเชื่อมั่น ยิ่งประจวบเหมาะกับช่วงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล ที่ฝ่ายค้านอภิปรายว่าล้มเหลวในการบริหารประเทศ อาจจะทำให้ 2 คนถูกโหวตคว่ำคาสภา หรือถูกปรับออกพ้น ครม.