ลูกชายอดีตนายตำรวจ คลั่งยา อาละวาด แทงเจ้าของร้านค้าเจ็บสาหัส

วันที่ (9 พ.ย. 64) ที่ผ่านมา ร.ต.อ.มงคล  ภูริวัฒนกุล รอง สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่หน้าร้านค้า ใน ต.ท่าซัก อ.เมืองนครศรีธรรมราช 

ที่เกิดเหตุบริเวณพื้นริมถนนด้านหน้าพบเพียงรอยเลือดบนพื้น เพราะผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้รับการช่วยเหลือจากพลเมืองดีผู้เห็นเหตุการณ์นำส่งโรงพยาบาลนครคริสเตียน โดยทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บในเวลาต่อมาคือนายวิษณุ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านที่เกิดเหตุ ถูกแทงด้วยมีดเข้าที่ขมับขวา รูหูขวา และแผลปาดเชือดที่แขนขวาเป็นแผลฉกรรจ์  อาการสาหัส

ผู้ประสบเหตุและมารดาของผู้ได้รับบาดเจ็บ ให้รายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ว่า  ผู้ที่ก่อเหตุคือนายวันฉัตร์  อายุ 33 ปี มีอาการคลุ้มคลั่งเนื่องจากเสพยาเสพติด โดยตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาได้อาละวาดข่มขู่ผู้คนในย่านดังกล่าว กระทั่งมาถึงช่วงกลางวันของวันนี้

ขณะที่นายวิษณุกลับจากทำธุระ  เดินกลับเข้าร้าน  นายวันฉัตร์ เดินถือมีดด่ากราดผู้คนไปทั่ว และเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อหนุ่มคลั่งรายนี้ได้บุกเข้ามาที่ร้านของนายวิษณุ แล้วใช้มีดกระหน่ำแทงนายวิษณุจน ล้มจมเลือด ทำให้เกิดความชุลมุนขึ้น  ท่ามกลางเสียงหวีดร้องตื่นตกใจของผู้เห็นเหตุการณ์

หลังก่อเหตุนายวันฉัตร์ ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในบ้านของตัวเอง ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกันเจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไป  พบพ่อและแม่ของนายวันฉัตร์ อยู่ที่บ้านพัก  โดยทั้งสองได้ยินยอมให้ตำรวจบุกเข้าไปจับกุมลูกชายของตัวเองในบ้าน  เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปจับกุมนำตัวออกจากบ้านคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมมีดปอกผลไม้ของกลางที่ใช้ก่อเหตุ

เมื่อถูกคุมตัวมาถึงโรงพักนายวันฉัตร์ ซึ่งมีอาการคลายเบลอให้การวกวน  อ้างว่าตนเองมีความขัดแย้งกับคนเจ็บและภรรยา  โดยตำรวจตรวจปัสสาวะพบว่าเป็นสีม่วงผลตรวจเป็นบวก

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา  พยายามฆ่า  บุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย  พกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธรณะโดยไม่มีเหตุอันควร  และความผิดพ.ร.บ.ยาเสพติดอีกข้อหา

ทั้งนี้สำหรับนายวันฉัตร์  เป็นบุตรชายของอดีตนายตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช  ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว โดย นายวันฉัตร์  ทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้  ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง  ชอบมั่วสุมกับเพื่อนเสพยาเสพติด  เมื่อเสพยาแล้วจะคลุ้มคลั่งอาละวาด   จนเป็นที่หวาดผวาเอือมระอาของชาวบ้านในย่านดังกล่าว