ลูอิซ อินาชิโอ ลูลา ดา ซิลวา หรือที่ชาวบราซิลรู้จักกันในชื่อ “ลูลา” สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวานนี้ (1 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ที่ถือเป็นการหวนคืนสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีหลังจากห่างหายไป 12 ปี
นายลูลา กล่าวตำหนิ นายฌาอีร์ โบลโซนาโร อดีตผู้นำขวาจัด และให้คำมั่นว่าจะเปลี่ยนแปลงแนวทางครั้งใหญ่เพื่อช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาความอดอยาก ความยากจน และการเหยียดเชื้อชาติ พร้อมทั้งสัญญาว่าจะรักษา ปกป้อง และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ปฏิบัติตามกฎหมาย ส่งเสริมประโยชน์ส่วนรวมของชาวบราซิล สนับสนุนเอกภาพ บูรณภาพ และความเป็นอิสระของบราซิล
ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสหลังจากเข้ากุมบังเหียนประเทศที่ใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกาอย่างเป็นทางการ นายลูลา ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายซ้าย กล่าวว่า ประชาธิปไตยคือผู้ชนะที่แท้จริงในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนตุลาคม เมื่อเขาสามารถโค่นล้ม นายโบลโซนาโร ในการเลือกตั้งที่เข้มข้นที่สุดครั้งหนึ่ง และกล่าวว่า เขาจะบริหารประเทศเพื่อชาวบราซิลทุกคน ไม่ใช่แค่คนที่ลงคะแนนเลือกเขา ประเทศนี้ต้องการสันติภาพและความเป็นหนึ่งเดียว คนประเทศนี้ไม่ต้องการต่อสู้กันอีกต่อไป
นายลูลา กล่าวต่อรัฐสภาว่า ประชาธิปไตยเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยสามารถเอาชนะการคุกคามที่รุนแรงที่สุดต่อเสรีภาพในการลงคะแนนเสียง และความพยายามในการสร้างเรื่องโกหกและความเกลียดชัง และการทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอับอาย
นอกจากนี้ เขายังกล่าวหาว่ารัฐบาลของโบลโซนาโรกระทำการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” โดยไม่สามารถดำเนินมาตรการอย่างเหมาะสมต่อการรับมือการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คร่าชีวิตชาวบราซิลไปแล้วกว่า 680,000 คน
รอยเตอร์ระบุว่า นโยบายต่างๆ ของนายลูลานั้นมีแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับระยะเวลา 4 ปีในสมัยของนายโบลโซนาโร ที่รวมถึงนโยบายการปกป้องสิ่งแวดล้อมในป่าฝนแอมะซอนที่อ่อนแอ การผ่อนคลายกฎหมายอาวุธปืน และนโยบายการคุ้มครองชนพื้นเมืองและชนกลุ่มน้อยที่อ่อนด้อย นายลูลา กล่าวว่า เขาต้องการเปลี่ยนบราซิล หนึ่งในผู้ผลิตอาหารชั้นนำของโลก ให้กลายเป็นมหาอำนาจด้านสิ่งแวดล้อม
นายโบลโซนาโรซึ่งออกจากบราซิลไปยังรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ หลังจากปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ และพยายามสร้างความปั่นป่วนให้แก่ประชาธิปไตยของบราซิลด้วยการกล่าวอ้างที่ไม่มีมูลความจริงเกี่ยวกับความอ่อนแอของระบบการเลือกตั้ง ซึ่งนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่รุนแรงของผู้ปฏิเสธการเลือกตั้ง
นายลูลา ลูลา วัย 77 ปี เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้ว ระหว่างปี 2546-2553 และ 2560-2562 เดิมทีนายลูลา จะลงสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2561 แต่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการคอร์รัปชัน โดยถูกกล่าวหาว่าได้รับเงินจากบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ในบราซิล เพื่อแลกกับการที่บริษัทจะได้รับสัญญาทำการค้ากับ เปโตรบราส บริษัทน้ำมันใหญ่ของรัฐ เขาถูกจำคุกอยู่ 580 วัน จนได้รับการปล่อยตัวในปี 2562 และได้รับสิทธิการเลือกตั้งคืนมาในปี 2564 ทำให้เขาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีได้เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว.