ดร.พีร์ จารุอำพรพรรณ หัวหน้าทีมวิจัยไวรัสวิทยา และเซลล์เทคโนโลยี ไบโอเทค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. เปิดเผยถึงการพัฒนาชุดตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 “COVYD-19 Ab test kit (ELISA)” ว่า เป็นชุดตรวจภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโควิด-19 พัฒนาโดยทีมวิจัยไวรัสวิทยาและเซลล์เทคโนโลยี และทีมวิจัยการผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดี และการประยุกต์ใช้ ไบโอเทค สวทช. เป็นการนำองค์ความรู้เกี่ยวกับไวรัสโคโรนาของสุกร ที่เป็นความเชี่ยวชาญเดิมของทีมวิจัย ผนวกกับเทคโนโลยีที่เป็นแพลตฟอร์มพื้นฐาน คือ ELISA มาพัฒนาต่อยอดได้ทันท่วงที จึงทำให้ชุดตรวจนี้ สำเร็จรูปพร้อมใช้งาน สำหรับตรวจ
ระดับแอนติบอดีต่อเชื้อก่อโรคโควิด-19 เชิงปริมาณ ที่สามารถใช้ตรวจระดับภูมิคุ้มกัน ที่เกิดจากการติดเชื้อ หรือการได้รับวัคซีน และได้ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (สวพท.- AFRIMS) ทดสอบคุณภาพชุดตรวจแอนติบอดีต่อ SARS-CoV-2
โดยมีการอนุเคราะห์ตัวอย่างซีรั่มมาทดสอบ เปรียบเทียบกับชุดตรวจแอนติบอดีทั่วไปในท้องตลาด พบว่า มีความไว และความจำเพาะเทียบเท่ากัน รวมทั้ง ยังมีการสอบเทียบ ชุดตรวจตัวอย่างซีรั่มมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO เพื่อให้สามารถอ่านค่าแอนติบอดีในหน่วยมาตรฐานของ WHO ในขณะนี้ได้นำไปใช้งานในโครงการวิจัยระดับประชากร โดยร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตรวจระดับภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ในบุคลากรสาธารณสุขมากกว่า 1,000 ตัวอย่าง
ดร.พีร์ อธิบายต่อว่า “COVYD-19 Ab test kit (ELISA)” ทางทีมวิจัยได้เลือกตรวจแอนติบอดีต่อส่วนที่สำคัญที่สุดของไวรัส เป็นส่วนที่ไวรัสใช้จับเข้าเซลล์มนุษย์ในการติดเชื้อ คือ Receptor Binding Domain หรือ RBD ที่อยู่บนโปรตีนสไปค์ (ส่วนที่เป็นหนาม) โดยมีการผลิตแอนติเจน RBD ด้วยวิธีการตัดต่อพันธุกรรม และการผลิตรีคอมบิแนนท์โปรตีน ให้มีหน้าตาที่เหมือนกันกับโปรตีนของไวรัส แต่ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนจากไวรัสจริง ๆ เพื่อความปลอดภัย จากนั้น นำแอนติเจน RBD มาเคลือบลงบนเพลท และใช้สารตรวจจับ ซึ่งมีปฏิกิริยาทำให้เกิดสี เมื่อนำตัวอย่างซีรั่ม หรือพลาสมา มาตรวจ ถ้าในตัวอย่างมีแอนติบอดีต่อ RBD แอนติบอดีนั้น จะจับอย่างจำเพาะเจาะจงกับ RBD และถูกจับด้วยสารตรวจจับ และแสดงสัญญาณสี แต่หากในตัวอย่างซีรั่ม หรือพลาสมานั้น ไม่มีแอนติบอดีที่จำเพาะต่อ RBD ก็จะไม่มีสีเกิดขึ้น
ขณะนี้ ทางทีมวิจัย สวทช. อยู่ในระหว่างการถ่ายทอดชุดตรวจแอนติบอดีต่อ SARS-CoV-2 ที่พัฒนาขึ้น ให้กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ได้เร็วที่สุด ในช่วงเวลาวิกฤติ ในส่วนของชุดตรวจฯ ยังต้องใช้ตรวจในห้องปฏิบัติการ ไม่สามารถตรวจเองได้ เพราะยังต้องใช้เครื่องอ่านผล แต่ก็เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ที่มีในห้องปฏิบัติการทั่วไป รวมถึงโรงพยาบาลขนาดกลาง เนื่องจากเป้าหมายการพัฒนาชุดตรวจแอนติบอดีในช่วงแรก เน้นเพื่อการตรวจวินิจฉัยส่วนบุคคลในระดับประชากร ที่มีตัวอย่างจำนวนมาก เพื่อใช้เป็นข้อมูลสถิติในการอ้างอิง ด้วยเชื่อว่า การตรวจเพื่อให้ทราบระดับของภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นในระดับประชากร จะเป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนการบริหารวัคซีน และกำหนดมาตรการสาธารณสุขที่เหมาะสม จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ และลดความรุนแรงของโรคได้ รวมทั้ง สามารถวางแผนบริหารบุคลากรด่นหน้าได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย