สหรัฐพบติดโควิดสร้างภูมิคุ้มกัน ‘เดลตา’ มากกว่าวัคซีน แต่อย่าเสี่ยงติด
สำนักข่าวรอยเตอร์สอ้างรายงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์กที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา พบว่า ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากการติดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 มีศักยภาพในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลตามากกว่าวัคซีนโควิด-19
การศึกษาที่ตีพิมพ์ในรายงานการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตประจำสัปดาห์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่าผู้ที่เคยติดโควิด-19 มาก่อนมีอัตราการติดโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาน้อยกว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพียงอย่างเดียว
โดยประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาสูงสุดในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วและเคยติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน และประสิทธิภาพในการป้องกันต่ำที่สุดคือกลุ่มผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อและไม่ได้รับวัคซีน
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าการฉีดวัคซีนยังคงเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุดในการรับมือกับโควิด-19
แม้ผลการศึกษาจะพบหลักฐานบ่งชี้ว่าการติดเชื้อสามารถป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้มากกว่าการฉีดวัคซีนเพียงอย่างเดียว แต่ดร. เบน ซิลค์ จาก CDC ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เขียนงานวิจัยยังคงแนะนำให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน เพราะเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่าการติดเชื้อ
เนื่องจากการได้รับภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อนั้นมีความเสี่ยงสูง โดยการศึกษาที่เก็บข้อมูลถึงวันที่ 30 พ.ย. 2021 พบว่าชาวแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์กประมาณ 130,781 คนเสียชีวิตจากโรคโควิด-19
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์กได้รวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือนพ.ค. ถึงเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โควิด-19 สายพันธุ์เดลตากำลังแพร่ระบาดอย่างหนักและเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ
โดยข้อจำกัดอีกประการหนึ่งของการศึกษาครั้งนี้คือการเก็บข้อมูลเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยังไม่มีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นวงกว้างเหมือนอย่างในปัจจุบัน ซึ่งวัคซีนเข็มกระตุ้นนั้นจะช่วยเพิ่มการป้องกันการติดเชื้อ การรักษาในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้อย่างมีนัยสำคัญ
Photo by Scott Heins/Getty Images/AFP