สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ว่าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเมืองย่างกุ้งเผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประณามเหตุการณ์โจมตี และสังหารหมู่พลเรือน “อย่างน้อย 35 ราย” มีทั้งเด็กและผู้หญิง ที่เมืองโมโซ ในเขตชานเมืองพรูโซ ของรัฐกะยา ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมียนมา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และรัฐบาลวอชิงตัน “จะเดินหน้ากดดัน” จนกว่าจะมีการจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงต่อชาวเมียนมา ให้มารับโทษตามกฎหมาย
ด้านนายมาร์ติน กริฟฟิธส์ ผู้แทนเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ด้านกิจการสิทธิมนุษยชน และผู้ประสานงานด้านความช่วยเหลือฉุกเฉิน ประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการ และมีความโปร่งใส
ทั้งนี้ “เซฟ เดอะ ชิลเดรน” ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณะของสหราชอาณาจักร ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่สองคนของหน่วยงานซึ่งเป็นชาวเมียนมา “ยังคงหายสาบสูญ” หลังอยู่ในพื้นที่ในช่วงเกิดเหตุ
ขณะที่รายงานขององค์สังเกตการณ์ “เมียนมา วิตเนส” ระบุว่า กองทัพเมียนมาสังหารประชาชนอย่างน้อย 35 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กและผู้หญิงรวมอยู่ด้วย ที่เมืองโมโซ ในรัฐกะยา เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา และพาหนะหลายคันถูกเผาทำลายจนเสียหายราบคาบ
ส่วนสื่อมวลชนอิสระอีกหลายแห่งของเมียนมารายงานเพิ่มเติม ว่าในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด มีอย่างน้อย 10 ราย เป็นชาวบ้านของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในเมืองโมโซ และสมาชิก 4 คนของกองกำลังท้องถิ่นซึ่งไปเจรจาให้ทหารปล่อยตัวชาวบ้านกลุ่มนี้ ถูกสังหารด้วย
อย่างไรก็ตาม กองทัพเมียนมาไม่ได้ให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แต่บอกเพียงว่า ในวันเกิดเหตุ มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และทหารเรียกหยุดยานพาหนะ “ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย” เพื่อควบคุมสถานการณ์.
เครดิตภาพ : AP