รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมผ่อนคลายมาตรการสกัดโควิดเข้าสู่ช่วงปกติก่อนการระบาด
The Straits Times รายงานว่า นายกรัฐมนตรี ลีเซียนลุง ของสิงคโปร์ แถลงการทางโทรทัศน์ว่า ตั้งแต่วันอังคารที่ 29 มี.ค.เป็นต้นไป ชาวสิงคโปร์ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่กลางแจ้งแล้ว แต่ยังต้องเว้นระยะห่าง 1 เมตรในสถานที่ที่ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย
“นับแต่นี้การสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคารจะเป็นเพียงทางเลือกเท่านั้น เนื่องจากความเสี่ยงของการแพร่เชื้อเมื่ออยู่กลางแจ้งต่ำ แต่ยังต้องสวมเมื่ออยู่ในอาคาร”
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบแล้วสามารถเดินทางเข้าสิงคโปร์โดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป และไม่ต้องตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางมาถึงสิงคโปร์ การรวมตัวกันเพิ่มจากไม่เกิน 5 คนเป็น 10 คน
ลีเซียนลุงกล่าวอีกว่า การผ่อนคลายมาตรการล่าสุดนี้จะช่วยกระตุ้นธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยว แต่ยังไม่สามารถเปิดแบบเต็มร้อยได้ เนื่องจากเรายังต้องเฝ้าจับตาอย่างระมัดระวังเพราะ Covid-19 อาจทำให้เราประหลาดใจได้อีก
ผู้นำสิงคโปร์อธิบายว่า ขณะนี้สิงคโปร์อยู่ในสถานะที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ โดย “บรรลุก้าวสำคัญ” ในการรับมือกับ Covid-19 และชี้ว่าสิงคโปร์มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงคือ ราว 95% ของประชากรที่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว และ 71% ของประชากรทั้งหมดได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว
ลีเซียนลุงกล่าวว่า ระลอกการระบาดที่เกิดจากเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนขึ้นสู่จุดสูงสุดไปแล้วและกำลังลดลง อีกทั้งขณะนี้ประชาชนยังมีภูมิคุ้มกันสูง โดยหลายคนเคยสัมผัสเชื้อและหายจากการติดเชื้อแล้ว
ลีเซียนลุงกล่าวอีกว่า ในการตัดสินว่าจะผ่อนคลายมาตรการระดับไหนและรวดเร็วเพียงใด ทางการยังระมัดระวังที่จะไม่กดดันเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและระบบให้ไปถึง “จุดแตกหัก”
“เราต้องไม่สร้างภาระหนักให้กับบุคลากรสาธารณสุข และไม่ทำให้ผู้ป่วย Covid-19 และผู้ป่วยอื่นที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วนตกอยู่ในอันตราย ในขณะเดียวกันเราต้องชั่งน้ำหนักความเสียหายของมาตรการจัดการความปลอดภัยที่มีต่อธุรกิจและเศรษฐกิจ…เมื่อคำนึงถึงทุกสิ่งแล้ว เราเชื่อว่าตอนนี้เราพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในการใช้ชีวิตร่วมกับ Covid-19” ลีเซียนลุงกล่าว
REUTERS/Feline Lim/File Photo