รอง ผอ.โรงเรียนชื่อดังใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โต้ข่าวเด็ก ม.3 โดดตึก 4 ชั้น อาการปางตาย ยันสอบถามกลุ่มเพื่อนแล้ว ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือบูลลี่กันแต่อย่างใด ขณะที่ตัวเด็กเองเป็นคนอารมณ์รุนแรง ไม่พอใจเพื่อนก็จะใช้กำลังชกต่อย ก่อนเกิดเหตุเพื่อนมาตามให้ไปเรียนกลับไม่ยอมไป สุดท้ายกระโดดลงมาจากที่สูง
จากกรณี นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชายชั้น ม.3 ก่อเหตุกระโดดลงมาจากตึก 4 ชั้น อาคารเรียนโรงเรียนชื่อดัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ร่างกระแทกพื้นอาการสาหัส ขณะที่แม่เด็กระบุว่า ก่อนหน้านี้ลูกโดนเพื่อนที่โรงเรียนกลั่นแกล้ง และบูลลี่ จนเกิดอาการเครียดบ่อยครั้ง แต่ลูกชายยอมอดทนเพราะอยากเรียนให้จบ เพื่อจะได้ย้ายไปอยู่โรงเรียนอื่น แต่สุดท้ายกลับมาเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจนได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ห้องฉุกเฉิน รพ.สงขลานครินทร์ น.ส.บี แม่ของ นายเอ ได้เปิดเผยขณะมาเฝ้าดูอาการของลูกชายว่า อาการของลูกยังคงน่าเป็นห่วง โดยแพทย์กำลังผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิต โดยวานนี้ (14 ก.พ.) ระหว่างที่ตนกำลังขายของหน้าร้าน จู่ ๆ ก็มีครูโทรฯ มาบอกว่า น้องเกิดอุบัติเหตุตกจากอาคารเรียน จึงรีบมายัง รพ. เบื้องต้นทราบเพียงว่า ลูกชายตกลงมาจากอาคารชั้นที่ 4 แพทย์ระบุ ซี่โครงหัก ปอดทะลุ กรามหัก ฟันหัก ตอนนี้ไม่รู้สึกตัว ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจและดามคอเอาไว้
น.ส.บี กล่าวอีกว่า ตนพยายามถามครูถึงสาเหตุที่ลูกกระโดดลงมา แต่ไม่มีใครให้ข้อมูลได้ ทำให้เชื่อว่าน่าจะมาจากปัญหาเดิม คือ โดนเพื่อนกลั่นแกล้งเป็นประจำ ซึ่งเรื่องนี้เคยบอกครูประจำชั้นไปแล้ว มีการแก้ปัญหาด้วยการให้ครูปกครองทำทัณฑ์บนกลุ่มนักเรียนที่กลั่นแกล้ง ซึ่งก็เชื่อว่าคงไม่ได้ผล เคยถามลูกว่าไหวไหม ย้ายโรงเรียนเลยไหม ลูกก็บอกว่าใกล้จบ ม.3 แล้ว ขอเรียนให้จบก่อนจะได้ย้ายไปโรงเรียนอื่น ที่ผ่านมาลูกชายโดนเพื่อนแกล้งตั้งแต่รุมชกต่อย เอาน้ำสาดจนตัวเปียก บางวันก็โดนเตะขา แต่เพราะลูกไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งเป็นนักกีฬาด้วย จึงไม่อยากให้มีเรื่องราวใหญ่โต
น.ส.บี กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามก่อนที่น้องจะกระโดดลงมานั้น มีเพื่อนมาเล่าให้ฟังว่า น้องเดินร้องไห้ เอาเสื้อคลุมหัว แล้วก็วิ่งขึ้นไปกระโดดลงมาเลย น้องคงจะสุดทนแล้ว ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ตอนนี้ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรลูกได้ ถ้าตัดสินใจย้ายโรงเรียนไปก่อนหน้านี้ก็คงจะดี ที่สำคัญตอนนี้อยากรู้ว่าใครเป็นคนทำลูกชาย จนเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นกันแน่
ต่อมาในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ (15 ก.พ. 66) รอง ผอ.โรงเรียน ได้เดินทางมาพร้อมกับคณะครู เพื่อเข้าเยี่ยมอาการของ นายเอ รวมถึงพูดคุยกับแม่ของ นายเอ ด้วย ทั้งนี้ทาง รอง ผอ. ได้กล่าวว่า หลังจากสอบถามเพื่อนสนิทกับ นายเอ แล้ว ทำให้ทราบว่าไม่มีเพื่อนนักเรียนคนไหนไปกลั่นแกล้งหรือบูลลี่ นายเอ แต่อย่างใด ขณะที่ตัว นายเอ เอง กลับมีปัญหานัดเพื่อนเข้าไปคุยในห้องน้ำ แล้วก็มีอารมณ์รุนแรงจะต่อยเพื่อน ๆ ด้วยกัน จนต้องมีการห้ามปราม จากนั้นไม่นาน นายเอ ที่มีอาการเหม่อลอย ได้เดินขึ้นไปชั้น 4 ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุโดยไม่ยอมเข้าเรียน พอเพื่อนในห้องเรียนไปตาม ปรากฏว่า นายเอ กลับกระโดดลงมาจากชั้น 4 โดยไม่มีใครผลัก หรือ กลั่นแกล้ง ตามที่คุณแม่เข้าใจ ทั้งนี้หลังเกิดเหตุ ทางโรงเรียนก็พร้อมจะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่และดีที่สุด โดยจะเชิญผู้ปกครองและทีมสหวิชาชีพมาพูดคุย เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงอีกครั้ง