ผกก.ไหว้ขอโทษ หนุ่มโดนจับพกการบูร ขอเยียวยาชดใช้ เหยื่อลั่นเสียความรู้สึก ก่อนไม่ติดใจเอาความ แจ้งความแค่ข้อหาทำร้ายร่างกาย
จากกรณีหนุ่มสุดซวย เกือบตกเป็นแพะ หลังโดนตำรวจและตำรวจอาสา ขอตรวจค้นรถยนต์ บริเวณทางเข้าซอยแบริ่ง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งการตรวจค้น ตำรวจไปเจอกับสารสีขาว และอ้างเป็นสารเสพติด ต่อมาแม่ผู้เสียหายมาที่จุดเกิดเหตุ ยืนยันสารสีขาวไม่ใช่สารเสพติด ที่แท้เป็นการบูรที่ซื้อมาใส่ไว้ในรถลูกชาย ซ้ำตำรวจยังข่มขู่ ทำร้ายและไม่ให้ไปแจ้งความ
หลังเกิดเรื่องขึ้นเป็นข่าวดัง พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ มีคำสั่งลงดาบ สั่งเด้ง 5 ตำรวจ พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวน และสั่งยกเลิกตำรวจอาสาทั้งโรงพัก เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย
สำหรับความคืบหน้า ล่าสุดวันที่ 13 ม.ค.65 ที่ห้องประชุม ศปก.สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ นำหลักฐาน และพานายฮาซัน อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย และครอบครัว มาเข้าพูดคุยเจรจากัน ก่อนตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดี
นายฮาซัน เปิดเผยว่า อยากให้ตำรวจมีดุลพินิจในการดูของกลาง หรือยาเสพติด ให้มากกว่านี้ อยากจะถามถึงชุดที่จับกุมในวันนั้น ว่าตนอ้อนวอนเขา ปฎิเสธทุกครั้งว่าไม่มีสารเสพติด ก้มลงไปกราบเท้า จนอยากจะถามว่าชุดจับกุมนั้น กล้าทำเหมือนตนวันนั้นหรือเปล่า ตนเสียความรู้สึก ฝังอยู่ในใจทุกวันนี้ ฝากถึงคนที่ต่อยหน้า อยากให้ควบคุมอารมณ์มากกว่านี้
นางพจนีย์ อายุ 59 ปี แม่ของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ขอบคุณตำรวจ ที่มีความอดทนมายืนรอหน้าบ้าน ครึ่งชั่วโมง เพื่อขอโทษ ตอนนั้นบอกตรงๆ ว่าแม่ก็กลัว ที่ไม่ได้ออกมาต้อนรับตำรวจ แม่ก็ขอโทษด้วย อยากฝากถึง ตำรวจที่พึ่งของประชาชน อยากให้มีดุลพินิจในการจับกุมยาเสพติด อยากให้กรณีลูกชายเป็นกรณีอุทาหรณ์ แม่ก็สบายใจขึ้นที่ได้มาพูดคุยกับตำรวจในวันนี้
พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ เปิดเผยว่า ตนยินดีรับผิดชอบ กับเรื่องทั้งหมด เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการทำงาน พร้อมเข้าไปเยียวยาผู้เสียหาย ในสิ่งที่ผิดพลาดก็ต้องไปถอดบทเรียน แก้ไข เพื่อไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก ส่วนเรื่องคดีก็ต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง เป็นไปตามขั้นตอน ตนในฐานะผู้บังคับบัญชา อยากจะกราบขอโทษ น้องฮาซัน และครอบครัว
หลังจากนั้น พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ และตำรวจ ได้ลุกขึ้น ยกมือไหว้ขอโทษ โดยผู้เสียหาย และครอบครัวก็ลุกขึ้น รับไหว้ตำรวจ
ต่อมาทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ เผยต่อว่า ได้คุยกับผู้เสียหายมาแล้ว ทางตำรวจออกมาแสดงความรับผิดชอบ เยียวยา ผู้เสียหายก็ไม่ติดใจดำเนินคดีในข้อหาอื่นๆ เบื้องต้นจะแจ้งความ ในข้อหา “ทำร้ายร่างกาย” เพียง 1 ข้อหาเดียว ว่าไปตามกฎหมาย และตนในฐานะทนายความ จะติดตามเรื่องการเยียวยา ให้ผู้เสียหาย