“อนุทิน” พูดชัด ตราบที่เป็น รมว.สธ.ไม่มีแนวคิดให้กัญชากลับเป็นยาเสพติด ย้ำ มีกฎหมายควบคุมการใช้ ให้ไปจัดการคนทำผิด อย่าเหมาลงโทษคนทำถูก กระทบประโยชน์ประชาชน เผย เหตุ ออกประกาศฯ คุมช่อดอก แก้ทาง พ.ร.บ.ถูกขวาง
วันที่ 14 พ.ย. 65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สธ. ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ ถึงเรื่องความพยายามจากฝ่ายการเมืองในการนำกัญชา กลับไปเป็นยาเสพติด ระบุว่า
มีเสียงเรียกร้องมาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่เรียนว่า การนำกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด เป็นมติของคณะกรรมการ ป.ป.ส. (ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) ก็ต้องเข้าใจบริบท เรากำลังนำกัญชามาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ กฎหมายมันออกมาแบบนี้ มันต้องเปลี่ยนความคิด อย่าเพิ่งไปประทับตรา มันจะก้าวข้ามไปไม่ได้ ความพยายามใช้ประโยชน์จากกัญชามีมานานแล้ว แล้วเริ่มกันก่อนที่ตนจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีเสียอีก มีการนำมาศึกษาวิจัย มีเอกสารข้อมูลมากมาย ต่อมาข้อมูลตรงนั้น ก็ใช้เพื่อเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ส.พิจารณาปลดล็อกกัญชา และการออกประกาศกระทรวงฯ เพื่อดูแลการใช้
ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่า การให้ปลูกกัญชาในครัวเรือน จะมีปัญหาในเรื่องของการควบคุมหรือไม่ นายอนุทิน อธิบายว่า
เวลามีเหล้า มีบุหรี่ในบ้าน เด็กเปิดขวดดื่ม เปิดซองแล้วใช้ได้เลย แต่พืชกัญชา กว่าจะมาใช้ มันต้องผ่านกระบวนการ ขั้นตอนมันยุ่งยาก ถ้าเทียบกับเหล้า บุหรี่ มันอยู่ที่ว่า ถ้าเราเป็นผู้ปกครอง เราก็ต้องดูแลบุตรหลาน อันนั้น เป็นการดูแลในระดับครอบครัว แต่ในภาพรวม กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศมาแล้ว ว่าผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี จะใช้กัญชาไม่ได้ แต่ถ้าละเมิด เท่ากับผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องไปดำเนินคดีแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญ คือ การทำความเข้าใจ เราอยู่ในบ้าน มีลูก มีหลาน ต้องให้ความรู้กันว่า อะไรคือประโยชน์ อะไรคือโทษ แต่ถ้าใครทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องจัดการ
ผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุที่ต้องออกประกาศ สธ. กำหนดให้ช่อดอก เป็นสมุนไพรควบคุม นายอนุทิน ตอบว่า
แต่เดิม หวังว่า พ.ร.บ.กัญชง กัญชา จะได้รับการพิจารณาโดยเร็ว เพราะตอนเสนอไปตอนวาระแรก รับหลักการอย่างท่วมท้น จากนั้น ก็ตั้ง กมธ.ขึ้นมา มีทุกฝ่ายร่วม ร่าง พ.ร.บ.แรก ที่มีเพียง 45 มาตรา กมธ.ได้เพิ่มเป็น 95 มาตรา ที่เพิ่มมา เพราะการรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อครอบคลุมทุกความห่วงใยของทุกฝ่ายไว้ ซึ่งตอนนี้ มีพรรคการเมืองที่เคยรับหลักการ ก็ออกมาบอกว่า จะคว่ำ มันขัดกับเจตนารมณ์ เพราะ ก.ม. ฉบับนี้ เกิดขึ้นมาเพื่อควบคุมการใช้อย่างผิดประเภท ลดความกังวลต่อสาธารณะ ทุกอย่างมีขั้นตอน ถ้าตอนนี้ ดูแล้วว่า หลายฝ่ายมีความพยายามล้มกฎหมายฉบับนี้อยู่ ทางกระทรวงฯ ก็ต้องลดความกังวลของประชาชน แต่ต้องไม่ทำให้ผู้ที่ตัดสินใจลงทุนเรื่องกัญชา และทำอย่างถูกกฎหมาย ต้องเสียหาย การรักษาคนไข้ ต้องไม่ขาดตอน เราเลยออกประกาศขึ้นมาเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ที่กังวลกันเรื่องช่อดอก เราก็จะมาควบคุมเรื่องช่อดอก ถ้าจะใช้ต้องขออนุญาต มีวิธีการชัดเจน
นายอนุทิน กล่าวย้ำ ถึงความจำเป็นที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ทางสุขภาพและเศรษฐกิจของประชาชนควบคู่ไปกับการมีกฎหมายควบคุมความเสี่ยงที่เป็นข้อกังวล ก่อนปิดท้ายว่า
“ตราบที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผมไม่มีนโยบายขอให้ คกก. ป.ป.ส. พิจารณาให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เรามีมาตรการป้องกัน เราเริ่มแล้ว เพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชน ก็ต้องเดินหน้า นโยบายของรัฐบาลนี้ มีอะไร ข้อที่ 4 เขียนชัด สนับสนุนให้ประชาชนใช้พืชกัญชา กัญชง เพื่อการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ ส่งเสริมภูมิปัญญาชาวบ้าน ให้เกิดการสร้างรายได้ การที่จะเอาไปผสม ก็เพื่อการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่ต้องทำให้มันถูกต้องตามกฎหมาย อะไรที่ผิดกฎหมาย ต้องไปจัดการตรงนั้น ผมเป็นรัฐมนตรีที่รับฟังผู้บริหารในกระทรวง ถ้าทำอะไรแล้วมันแย่ ต้องมีผู้บริหารในกระทรวงท่านอื่น มาบอกผมแล้ว แต่ถามว่าทำไมวันนี้ ทั่วประเทศ ในโรงพยาบาลมีคลินิกกัญชาทางการแพทย์ ลองไปทำโพล คนที่เป็นผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย คนที่เป็นโรคพาร์กินสัน คนที่นอนไม่หลับ คนที่เป็นผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน เขาได้ประโยชน์จากการใช้ มันอยู่ที่ว่าจะมองจากมุมไหน แต่ที่สุดแล้ว ต้องมองเรื่องความปลอดภัย มองเรื่องสังคม เราผ่านวันที่ 9 มิถุนายน มาครึ่งปีแล้ว ก็ยังไม่มีปัญหาที่จะเป็นอุปสรรคขวากหนาม ยกเว้นว่าเราสร้างเรื่องกันขึ้นมาเอง”