“อัจฉริยะ” ร้อง ปปง. ลุยยึดทรัพย์ “เป้ รักผู้การ” จากการทำเว็บพนัน รถสปอร์ตหรูกว่า 20 ล้าน – บ้านเดี่ยว 30 ล้าน มูลค่ารวมกว่า 200 ล้าน พร้อมระบุ เบื้องหลังไฟล์ PowerPoint ปลอมของ “นายต้น” ใช้รีดเงิน “เป้” 25 ล้าน อ้างเคลียร์บิ๊กDSI มีตำรวจอยู่เบื้องหลังข้อมูล
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 มิ.ย. ที่ สำนักงาน ปปง. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. ขอให้ดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินของ นายธนินวัฒน์ อุดมเชาวเศรษฐ์ หรือ เป้ กับพวก ในมูลฐานความผิด ร่วมกันฟอกเงิน มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาทจากการทำเว็บพนันออนไลน์ โดยมีนายวิทยาพร จันทวาส นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ กองคดี 4 และในฐานะรองโฆษก ปปง. เป็นตัวแทนรับเรื่อง
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้ตนมาร้องทุกข์กล่าวโทษขอให้ดำเนินคดีนายเป้กับพวกกว่า 10 ราย ฐานร่วมกันฟอกเงินหลังนายเป้ยอมรับว่ามีการทำเกี่ยวกับเว็บพนัน ซึ่งมียอดเงินหมุนเวียนมากกว่า 15,000 ล้านต่อปี ซึ่งในตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดมากล่าวโทษกับ ปปง. เพื่อให้ยึด อายัดทรัพย์นายเป้กับพวก ส่วนรายการทรัพย์สินของนายเป้ ที่ตนนำมามอบวันนี้ อาทิ รายการรถสปอร์ตหรู คันละไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท บ้านเดี่ยวหลายหลังไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท กิจการบริษัทที่ใช้เป็นนอมินีในการฟอกเงิน รวมถึงโพยก๊วนที่มีการโอนเงินไปยังบัญชีต่างประเทศ ซึ่งถ้ามีการยึดโดย ปปง. จะมีมูลค่าการยึดได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีเว็บพนันอีกรายการ ชื่อ Hilorich ซึ่งยังทำอยู่ ยังไม่ปิดตัว มีการเปิดให้คนเข้าเล่น และถือได้ว่าเว็บนี้เป็นเว็บไซต์แม่ ส่วนพฤติการณ์ของนายเป้ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันที่ผ่านมา คือ มีการทำเว็บพนันและซื้อขายแฟรนไชส์กับกลุ่มสารวัตรซัว หรือไม่ก็นำเว็บพนันของคนอื่นมาปลอมและหลอกให้ประชาชนเข้ามาเล่น พอเข้ามาเล่น ได้เอา แต่ถ้าเสีย จะไม่จ่าย ส่วนประเด็นไฟล์ PowerPoint ปลอมที่มีคนใกล้ชิดนายเป้จัดทำขึ้นเพื่อแอบอ้างหน่วยงานดีเอสไอ ก่อนนำไปใช้รีดทรัพย์กับนายเป้ จำนวน 25 ล้านบาท อ้างว่าจะนำไปเคลียร์กับอธิบดีดีเอสไอนั้น ตนเป็นคนนำไฟล์ให้ดีเอสไอตรวจสอบเอง และต้นเรื่องๆจริงมาจาก นายบอย-วีระ นาทรัพย์ และนายต้น-พิสิษฐ์คณิศรพาณี แต่ “บอย” คือคนที่ปลอมเอกสารขึ้น ซึ่งบอยได้ซื้อข้อมูลมาจากคนใกล้ชิดนายเป้เอง อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าข้อมูลเครือข่ายเว็บพนันเหล่านี้ที่ต้องการแฉนายเป้ มีนายตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เบื้องหลัง เพราะข้อมูลดังกล่าวมันเป็นข้อเท็จจริงเกิน 60% มีการทำให้ดูน่าเชื่อถือ ทำให้ตอนนั้นเป้ยอมจ่ายให้แก๊งนายต้น กระทั่งมีคนใกล้ชิดของนายเป้นำไฟล์ไปตรวจสอบกับทางดีเอสไอ จึงได้รู้ว่าเป็นข้อมูลที่ถูกจัดทำขึ้นโดยผู้ไม่หวังดี โดยที่หน่วยงานที่ถูกพาดพิงกล่าวอ้างไม่ได้เกี่ยวข้อง
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ตนต้องเรียนว่านายต้นกับนายบอยถือว่าเป็นนิ้วให้ตำรวจ การที่ตำรวจเรียกเงิน ตามประสบการณ์ของตน ตำรวจจะเรียกผ่านนิ้วใช้งาน ไม่มาประสานโดยตรงกับคนทำเว็บพนัน และนิ้วก็มีหน้าที่เก็บเงินและค่อยนำเงินสดมอบให้ตำรวจ อย่างไรก็ตาม เป้ทำเว็บพนันมานานกว่า 3 ปี แต่ไม่เคยถูกจับกุม จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เบื้องหลัง
นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังระบุถึงความไม่ชอบมาพากลของการดำเนินการของตำรวจ สภ.คูคต ว่า การรายงานเหตุของ ผกก.สภ.คูคต และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสถานีมีพิรุธ เนื่องจากไม่มีรายงานเหตุใดที่เขียนละเอียดขนาดนั้น การระบุข้อความ เช่น ‘เป้รักผู้การเท่าไร เป้เขียนมา’ หรือ ‘….เนียนกริ๊บ’ อีกทั้งเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. แจ้งความตอนเย็น ตอนนั้นมีการสอบสวนอย่างละเอียด รู้หมดทุกอย่างเลยหรือว่าไปที่เชียงราย หรือที่ใด ตนมองว่ามันผิดปกติ และวันเดียวจะมาบอกว่า สอท. ทำความผิดค้นไม่ชอบแบบนี้หรือ และยังมีเหตุการณ์อื่นๆอีกมาก และการรีดเงินเกิดขึ้นหลังวันที่ 23 พ.ค.66 และมีการรีดเงินเป็นช่วงๆ ทั้งนี้ ตนยืนยันว่านายเป้มีความสัมพันธ์กับตำรวจ สภ.คูคต แน่นอน และการรายงานเหตุก็ผิดปกติ มีการแกล้งทำเอกสารหลุดให้สื่อมวลชน ตนมองว่ามันไม่เป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรายอื่นๆที่เป็นเพียงผู้ร่วมปฎิบัติงานตามคำร้องขอของอดีตผู้บังคับการจังหวัดชลบุรี จึงขอฝากไปยัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาลรอง ผบ.ตร. ว่าการจะแจ้งข้อกล่าวหาใคร ตนขอให้สอบปากคำในฐานะพยานไว้ก่อนได้หรือไม่ เพราะคณะทำงานมีเวลา 30 วันในการทำสำนวนส่ง ป.ป.ช. หากในระหว่างนี้พบความผิด จึงค่อยแจ้งข้อกล่าวหาภายหลังก็ได้