วันที่ 8 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นางวันดี แซ่โซว อายุ 85 ปี ชาว ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ปัจจุบันพักอยู่ที่บ้านใน ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยหลังจากที่ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากอาม่าวันดี ว่าทำกระเป๋าเงินหล่นหายไปเมื่อ 3 วันที่แล้ว และต้องการให้ผู้ที่เก็บได้นั้นนำมาคืน เนื่องจากเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ตนเองเก็บหอมรอมริบมาจากการทำงานกว่า 70 ปี อีกทั้งยังมีเงินส่วนหนึ่งที่รวบรวมไว้จากลูกหลานเพื่อนำไปทำบุญอีกด้วย
โดยอาม่าวันดี เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตนเองได้ขับรถจักรยานยนต์ดัดแปลงเป็นแบบ 3 ล้อ ออกจากบ้านพักเพื่อจะไปใส่บาตรในซอยที่อยู่ถัดออกไปไม่ไกลมากนัก ซึ่งก่อนออกจากบ้านก็ได้เอากระเป๋าผ้าใบใหญ่ที่มีเงินสดอยู่ภายในรวมทั้งสิ้น 686,000 บาท ที่ตั้งใจจะเอาไปฝากไว้กับลูกสาวนั้น วางไว้กับเบาะตรงด้านหลังคนขับ จากนั้นเมื่อใส่บาตรเสร็จแล้ว ก็ขับรถออกจากปากซอยมาเรื่อยๆ บนเส้นคู่ขนานถนนพระราม 2 มุ่งตรงไปหาลูกสาวเพื่อนำเงินก้อนนี้ไปฝากไว้ก่อน โดยใช้ความเร็วที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ซึ่งพอออกมาจากปากซอยก็ยังเอามือไปคลำด้านหลังกระเป๋าเงินก็ยังคงอยู่ แต่พ้นมาได้ประมาณ 3 – 4 เสาไฟฟ้า หรือราวๆ 100 – 200 เมตร ก็คลำไปที่ด้านหลังอีกครั้งปรากฏว่า กระเป๋าเงินหายไปแล้ว ตนเองรู้สึกตกใจมากจึงรีบจอดรถลงมาดู ก็ไม่เห็นกระเป๋าเงินแล้ว จึงรีบขับรถย้อนศรกลับมาดูตามทางแต่ก็ไม่พบกระเป๋าเงินตกอยู่ ซึ่งตนเองก็ได้ขับรถไปเล่าให้ลูกสาวฟัง ก่อนที่จะเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร
โดยภายหลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาขอดูกล้องวงจรปิด ก็เห็นว่า ตอนที่ตนเองขับรถออกไปยังมีกระเป๋าผ้าสีขาววางอยู่ตรงเบาะด้านหลัง แต่พอไปตรวจหากล้องวงจรปิดตามทางที่คาดว่ากระเป๋าน่าจะตกหล่นนั้น กลับไม่มีกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าว จึงไม่เห็นว่ากระเป๋าตกลงไปตอนไหน ตรงไหน และใครเป็นคนเก็บกระเป๋าเงินไปอีกด้วย ดังนั้นจึงอยากจะวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามหาตัวคนที่เก็บกระเป๋าเงินไป และอยากจะขอให้ผู้ที่นำกระเป๋าเงินไปนั้น เอามาส่งคืนเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ซึ่งตนเองก็ไม่ประสงค์ที่จะเอาความผิดแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อาม่าวันดี แซ่โซว ยังบอกอีกว่า เหตุที่ตนไปถอนเงินสดออกมาจากบัญชีธนาคารเป็นจำนวนกว่าครึ่งล้านบาทนั้น ก็เพราะตนเองเห็นข่าวว่า หากปล่อยให้เงินอยู่ในบัญชีจำนวนมากจะถูกสูบไปได้ ซึ่งตนก็กลัวว่าเงินที่มาจากการทำงานและพยายามเก็บหอมรอมริบมาตั้งแต่อายุราวๆ 15 ปี จะสูญหายไป อีกทั้งในจำนวนนี้ยังมีเงินส่วนหนึ่งที่ตนและลูกหลานตั้งใจจะนำไปทำบุญสร้างโบสถ์ กับซื้อโลงศพเพื่อผู้เสียชีวิตจากโควิด 19 ด้วย จึงได้เบิกถอนออกมาก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 – 3 วัน
และในวันเกิดเหตุก็ตั้งใจว่าหลังจากใส่บาตรเสร็จแล้ว จะขับรถเอาเงินจำนวนนี้ไปฝากไว้ที่ลูกสาวซึ่งมีบ้านอยู่ในซอยบางกระดี่ เขตแสมดำ กรุงเทพฯ แต่ก็มาเกิดเรื่องเสียก่อน ทั้งนี้หลังจากที่ทำกระเป๋าเงินหล่นหายแล้ว ตนเองก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ส่วนข้าวของที่เตรียมไว้เพื่อจะนำไปทำบุญตักบาตร และถวายพระตามวัดต่างๆ ตอนนี้ก็ยังคงแช่อยู่ในตู้เย็น ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นจึงอยากขอให้ผู้ที่เก็บกระเป๋าเงินได้เอามาส่งคืนโดยเร็วที่สุด เพราะหากเก็บไว้นอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว เงินบุญยังจะกลายเป็นเงินบาป เป็นกรรมสำหรับผู้ที่นำไปใช้อีกด้วย