เลขาธิการเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ร้องดีเอไอสอบ “กระทิง” ปมแม่ข่ายคดี Forex 3D พร้อมจี้ ”โต๋ ศักดิ์สิทธิ์” ให้ข้อมูลในฐานะพยาน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 ก.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ นายปิยณัฐ สุกยัง เลขาธิการเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียน กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ตรวจสอบ นายขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ หรือ กระทิง นักแสดงช่อง 3 หลังเข้าข่ายเป็นแม่ข่ายของแชร์ลูกโซ่ Forex 3D
นายปิยณัฐ กล่าวว่า วันนี้ได้รับมอบหมายนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังมีกระแสสังคมเกี่ยวกับมีดาราหลายคนเข้าพัวพันกับคดีดังกล่าว เช่น คุณกระทิง ซึ่งเมื่อวาน (15 ก.ย.) ที่มีการออกรายการโหนกระแส ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เปิดเผยว่า คดีนี้ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ เนื่องจากยังไม่มีผู้เสียหาย หรือดาวน์ไลน์โดยตรงของคุณกระทิงเข้ามาแจ้งความ ซึ่งจริงๆแล้วคดีแชร์ลูกโซ่ เป็นความผิดตาม พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นอาญาแผ่นดินไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ก็สามารถตรวจสอบ และดำเนินคดีได้ แต่ในเมื่อ ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต บอกว่ายังไม่มีการตรวจสอบเพราะไม่มีผู้เสียหาย ทำให้วันนี้ตนในฐานะประชาชนคนหนึ่งและผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้เสียหายในคดี Forex 3D เข้าร้องดีเอสไอ ให้มีการตรวจสอบคุณกระทิง ว่าเข้าข่ายกระทำความผิดในลักษณะเป็นแม่ข่ายหรือไม่อย่างไร
นายปิยณัฐ กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ต้องบอกว่าตั้งแต่ที่แชร์ล้ม เมื่อปี 2562 ไม่มีดาราคนไหนต่อสู้เคียงข้างเรายกเว้น อาย-วราไพรินท์ ธนวริสพร ถ้าวันนั้นมีดาราที่เสียหายออกมายืนเคียงข้างประชาชน อาจจะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินได้มากกว่านี้ นอกจากนี้ยังแก้ข้อสงสัยจากสังคมว่า แท้จริงแล้วดาราคนนั้นเป็นผู้เสียหรือเป็นแม่ทีมกันแน่ สำหรับการตรวจสอบคุณกระทิงหากท้ายที่สุดผลการตรวจสอบไม่พบการกระทำความผิด ก็เป็นการตรวจสอบที่เป็นไปตามกระบวนการ แต่ถ้าไม่มีการสอบสวนประเด็นนี้เลยทางทีมทนายความก็มีความเป็นห่วงเช่นเดียวกัน ซึ่งนอกจากการร้องให้มีการตรวจสอบคุณกระทิงแล้ว ยังจะขอให้ดีเอสไอดำเนินการเรียก โต๋ หรือนายศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร และบอล หรือ นายกัมมัญญ์ กลมแก้ว มาให้ข้อมูลในฐานะพยาน ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ประสงค์แจ้งความดำเนินกับคุณกระทิงก็ตาม แต่ทางเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการเรียกสอบได้เช่นเดียวกัน
นายปิยณัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ตนออกหน้าแทนผู้เสียหาย สืบเนื่องจากว่าก่อนหน้านี้มีหนึ่งในทีมงานซึ่งเป็นแม่ข่ายที่ทำงานร่วมกันตั้งแต่ปี 2562 ถูกคนแอบอ้างว่าเป็นคนในกระทรวงยุติธรรม มาล็อบบี้ผู้เสียหาย โดยอ้างว่าเป็นสนิทกับผู้ใหญ่ในกระทรวงยุติธรรม และจะเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องคดีและมีความพยายามในการเข้ามาพูดคุยกับผู้เสียหายเป็นการส่วนตัว และพยายามนัดออกไปข้างนอกสถานที่ราชการ ทำให้ทางด้านผู้เสียหายเกรงกลัวเรื่องความปลอดภัย ไม่กล้าออกสื่อให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด