ประชาชน-เอกชนเซ็ง!!! ค่าไฟงวดใหม่ต้องจ่าย 4.77 บาท สูงกว่าเดิมที่ประชาชนจ่ายแค่ 4.72 บาท
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า คณะกรรมการกกพ.มีมติเห็นชอบผลการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟทีงวดใหม่ (พ.ค. – ส.ค.) เป็นอัตราเดียวกันสำหรับบ้านที่อยู่อาศัย และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ เท่ากับ 98.27 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมอยู่ที่หน่วยละ 4.77 บาท จากงวดปัจจุบัน ม.ค. – เม.ย. มี 2 อัตรา โดยประชาชนจ่ายค่าไฟหน่วยละ 4.72 บาท และภาคอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรม บริการ เกษตรกร จ่ายค่าไฟหน่วยละ 5.33 บาท ซึ่งราคาค่าไฟใหม่ได้รับหนังสือยืนยันจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ถึงความเหมาะสมของอัตราค่าไฟฟ้าหน่วยละ 4.77 บาท หรือสูงขึ้นประมาณ 5 สตางค์ สาเหตุที่ไม่สามารถลดให้เท่ากับราคาเดิมหน่วยละ 4.72 บาทได้ เนื่องจากมีภาระต้องทยอยคืนหนี้ให้กฟผ. 1.5 แสนล้านบาท อัตราค่าไฟนี้เป็นอัตราที่ต่ำสุดแล้ว
ส่วนกรณีที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ได้มอบหมายกกพ.กำหนดราคาค่าไฟฟ้าให้เท่ากับภาคครัวเรือนที่ 4.72 บาทต่อหน่วย หรือต่ำกว่านั้นได้ยิ่งดีถ้าทำได้นั้น ต้องยอมรับว่า อัตราค่าไฟที่หน่วยละ 4.77 บาท เป็นอัตราที่ต่ำสุดเท่าที่ทำได้แล้ว และเป็นอัตราที่ทางกฟผ.ทำหนังสือยืนยันมาว่า ขอให้ใช้อัตรานี้
สำหรับการเปิดรับฟังความคิดเห็นทั้ง 3 กรณี
กรณีที่ 1 ค่าเอฟทีเรียกเก็บ 293.60 สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวม 6.72 บาทต่อหน่วย
กรณีที่ 2 ค่าเอฟทีเรียกเก็บ 105.25 สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวม 4.84 บาทต่อหน่วย
กรณีที่ 3 ค่าเอฟทีเรียกเก็บ 98.27 สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวม 4.77 บาทต่อหน่วย
ผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ไปตั้งแต่วันที่ 10-20 มีนาคม 2566 นั้น ซึ่งสำนักงาน กกพ. ได้รวบรวมและสรุปประเด็นความคิดเห็นต่อการปรับค่าเอฟทีครั้งนี้ ได้ดังนี้