เฒ่าขับแท็กซี่วัย 70 หึงโหด! ใช้ค้อนทุบหน้าสาวรุ่นลูกเสียชีวิตสลดคาห้องเช่า

เฒ่าขับแท็กซี่วัย 70 ใช้ค้อนทุบหน้าสาวรุ่นลูกวัย 37 เสียชีวิตสลดคาห้องเช่า ก่อนห่อศพด้วยผ้าปูเตรียมขนทิ้ง เพื่อนข้างห้องโทรแจ้งตำรวจรวบไว้ได้ สารภาพอ้างบันดาลโทสะจากการทะเลาะกัน ส่วนสาเหตุคาดจากปมหึงหวง

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตภายในห้องพักไม่มีชื่อ ย่านถนนรองเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น แบ่งเป็นห้องพักให้เช่า บริเวณห้องพักชั้น 2 เลขที่ 203 ภายในห้องพักพบร่างผู้เสียชีวิตถูกห่อด้วยผ้าปูที่นอนอย่างมิดชิด เจ้าหน้าที่จึงเปิดออกพบศพหญิงสาวนอนเปลือยกาย ทราบชื่อภายหลังคือ น.ส.เกศสุดา (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี มีบาดแผลบริเวณใบหน้าถูกตีด้วยของแข็ง เขียวเป็นจ้ำฟกช้ำ และมีเลือดไหล ถัดไปจากร่างพบฆ้อน ซึ่งคาดว่าเป็นอาวุธที่ใช้ทำร้ายผู้ตายตกอยู่ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายเชย ดัชถุยาวัตร อายุ 70 ปี อาชีพคนขับรถแท็กซี่ อยู่ในจุดเกิดเหตุอีกด้วย จึงควบคุมตัวไว้สอบสวน

นายจรูญ จันทร์ประสิทธิ์ อายุ 56 ปี กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมีแม่ค้าที่รู้จักกันโทรมาหาตน บอกว่าห้องตาเชย ผู้ก่อเหตุ มีคนเสียชีวิต ตนจึงไปดู พบเห็นร่างคนถูกห่อด้วยผ้าห่มผ้าปูที่นอน ตนจึงพยายามสะกิดดู เมื่อไม่ขยับตนจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ 191 ให้มาตรวจสอบ เพราะกลัวว่าจะมีเหตุ

ด้าน น.ส.ดารุณี คนหาร อายุ 53 ปี มารดาของผู้เสียชีวิต หลังทราบข่าวได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ ร้องไห้จนเป็นลมอาสาสมัคร​ร่วมกตัญญู​ต้องช่วยกันปฐมพยาบาล กล่าวว่าตนแยกกันอยู่กับลูกสาว ซึ่งตัวลูกสาวเองมักย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ไม่เป็นหลักแหล่ง โดยล่าสุดที่เจอกับลูกสาวคือเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา ลูกสาวได้เดินทางไปหาตน โดยเดินทางไปพร้อมกับผู้ก่อเหตุ สำหรับนายเชย นั้น คบหากับลูกสาวตนได้สักพักหนึ่งแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมาบอกกับตนว่าอยากจะผูกข้อมือแต่งงาน นอกจากนี้ยังเคยมาบอกให้ตนช่วยตามลูกสาวกลับมาหลังจากที่ลูกสาวไปติดพันคนอื่น ก็ไม่คิดว่านายเชยจะมาก่อเหตุกับลูกสาวของตน

จากการสอบสวนนายเชย ให้การรับสารภาพว่า รู้จักกับผู้ตายมาสักระยะหนึ่ง และเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมามีปากเสียงกับผู้ตาย ก่อนบันดาลโทสะ ใช้ค้อนที่อยู่ภายในห้องตีที่ศีรษะผู้ตายจนเสียชีวิต ก่อนจะห่อด้วยผ้าห่มและมัดอย่างมิดชิด หลังจากนั้นจึงลงไปจ้างสามล้อเครื่อง หรือรถตุ๊กตุ๊ก มาช่วยขนศพออกไปเพื่ออำพรางโดยอ้างว่าเป็นพระพุทธรูป แต่คนขับรถสามล้อไม่หลงเชื่อ และคิดว่าไม่น่าจะใช่พระพุทธ​รูป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าสาเหตุมาจากความหึงหวง อย่างไรก็ตามจะสอบปากคำนายเชยอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป