เบนจามิน เนทันยาฮู เตรียมกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลอีกครั้ง หลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด และจับมือกับพันธมิตรฝ่ายขวาจัดจนได้เสียงข้างมากในสภา
สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เบนจามิน เนทันยาฮู วัย 73 ปี อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของอิสราเอล กำลังจะกลับสู่อำนาจอีกครั้ง หลังจากผลการเลือกตั้งบางส่วนชี้ว่า เขากับกลุ่มพันธมิตรได้รับชัยชนะ และได้ครอบครองเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภา
พันธมิตรดังกล่าวรวมถึง กลุ่มพันธมิตรขวาจัดซึ่งประกอบด้วย 2 พรรคได้แก่ ‘Religious Zionism’ และ ‘Jewish Power’ ที่ได้เก้าอี้ในสภาเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว และอาจทำให้รัฐบาลชุดใหม่ของอิสราเอลกลายเป็นรัฐบาลขวาจัดที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
นอกจากนั้นยังมีอีก 2 กลุ่มที่อาจเข้าร่วมรัฐบาลผสมของนายเนทันยาฮู ได้แก่พรรคฝ่ายเคร่งศาสนา ‘United Torah Judaism’ และพรรค ‘Shas’ ของชาวยิวเซฟาร์ดี ซึ่งมักเข้าร่วมกับรัฐบาลมาตั้งแต่ครั้งอดีต โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนชุมชนของตัวเองและควบคุมฝ่ายศาสนาในอิสราเอล
ทั้งนี้ การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเมื่อวันอังคาร มีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ถึง 71.3% มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2558 หลังจากนับคะแนนโหวตไปได้ 86% ปรากฏว่าพรรค ‘Likud’ ของนายเนทันยาฮูกับพันธมิตรฝ่ายขวาจัดจะได้เก้าอี้ในสภารวมประมาณ 65 จาก 120 ที่นั่ง ซึ่งนายเนทันยาฮูบอกกับผู้สนับสนุนที่มารวมตัวกันในกรุงเยรูซาเลมว่า “เรากำลังเข้าใกล้ชัยชนะครั้งใหญ่”
ด้านกลุ่มพันธมิตรฝ่ายกลางซ้ายของนาย ยาอีร์ ลาพิด นายกรัฐมนตรีรักษาการ ซึ่งประกอบด้วยพรรค Yesh Atid, National Unity, Yisrael Beiteinu, Labor, Meretz และพรรค Ra’am จะได้เก้าอี้ในสภาประมาณ 54-55 ที่นั่ง ขณะที่ พรรคอาหรับอย่าง ‘Hadash/Taal’ ซึ่งคาดกันว่าจะไม่สนับสนุนฝ่ายใด ได้เก้าอี้ในสภาไป 4 ที่นั่ง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์แสดงความกังวลว่า รัฐบาลใหม่ของเนทันยาฮูจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ย่ำแย่ลงไปอีก เนื่องจากผู้นำกลุ่ม Religious Zionism/Jewish Power ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อการตั้งถิ่นฐาน ซึ่งเป็นชาวยิวที่อาศัยในเขตเวสต์แบงก์ และเชื่อว่าชาวยิวควรควบคุมดินแดนที่พวกเขายึดครอง
ผู้สื่อข่าว อันเชล ฟาฟเฟอร์ ซึ่งเขียนอัตชีวประวัติของนายเนทันยาฮู เชื่อว่า การนำพรรค Religious Zionism/Jewish Power เข้าสู่รัฐบาลอาจนำไปสู่การขยายการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในพื้นที่ที่ยึดครองมาจากปาเลสไตน์ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าผิดกฎหมายระหว่างประเทศ
