เปิดข้อมูลสำคัญ “แม่ผู้เสียหาย” แฉยับพฤติกรรม ทนายตั้ม กล่าวหา “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” ลวนลามอนาจารหญิงสาว ใครหลอกลวงใครกันแน่?

เปิดข้อมูลสำคัญ “แม่ผู้เสียหาย”แฉยิบพฤติกรรมลับลมคมในจาก ทนายตั้ม กล่าวหา “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” ลวนลามอนาจารหญิงสาว ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ใครหลอกลวงใครกันแน่

เปิดเผยข้อกล่าวหา “ปริญญ์  พานิชภักดิ์”  อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลวนลามอนาจารหญิง ซึ่งตามข้อร้องเรียนของทนายษิทรา  เบี้ยบังเกิด มีถึง 15 ราย   แต่อย่างไรก็ตาม เริ่มมีข้อวิพากษ์วิจารณ์หลักฐานมัดแน่นขนาดไหน รวมถึงการตั้งข้อสังเกตการทำหน้าที่ของ”ทนายษิทรา”กำลังไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้เสียหายบางราย เป็นเพราะเหตุใด 

ต่อไปนี้ คือการเปิดเผยของ “แม่ผู้เสียหาย” เกี่ยวกับลำดับเหตุการณ์ ว่าเหตุใดเรื่องราวจึงโยงไปถึง “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาโดย “ทนายษิทรา” เข้ามาเกี่ยวข้องตอนไหน และดำเนินการอย่างไรบ้าง 

ทนายตั้ม

11 เมษายน เกิดเหตุการณ์

ทนายตั้ม

12 เมษายน 


ช่วงเช้า น้องอายุ 18 ปี ยังไม่กล้าบอกแม่ แต่พยายามย้อนกลับไปโรงแรมที่เกิดเหตุเพื่อหาหลักฐานด้วยตัวเอง
ช่วงบ่าย ระหว่างน้องนั่งแท็กซี่กลับ จึงโทรเล่าให้แม่ฟัง เมื่อแม่ทราบเรื่อง จึงโทรปรึกษา พลตำรวจตรีท่านนี้

“แม่ผู้เสียหาย” บอกว่า ตำรวจนายนี้เป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ รู้จักตั้งแต่แม่อายุ 19 ปี ตำรวจท่านนี้เป็นประธานงานแต่งงานให้แม่ด้วย และการพูดคุยก็เป็นเพียงการปรึกษา ตำรวจท่านนี้ไม่เคยเข้ามาแทรกแซงคดี ไม่เคยไปคุยกับ ตำรวจ สน.ลุมพินีโดยตรง และยังเป็นคนที่แนะนำให้แม่ไปแจ้งความไว้ก่อน 

ช่วงเย็นแม่จึงไปแจ้งความที่ สน.ลุมพินี และได้ติดต่อไปที่ไลน์ของ”ทนายตั้ม” จึงนัดหมายกันว่าจะพบทนายตั้ม บ่ายวันที่ 13 เม.ย.

ทนายตั้ม

13 เมษายน 
ช่วงเช้า “แม่ผู้เสียหาย”ไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ สน.ลุมพินี ระหว่างนั้นไม่ชัดเจนว่า “ปริญญ์”รู้ได้อย่างไรว่า แม่ไปแจ้งความแล้ว “ปริญญ์”พยายามโทรมาคุย 3-4 ครั้ง
 
ช่วงบ่าย “แม่ผู้เสียหาย”ไปพบ”ทนายตั้ม”พร้อมกับน้องเล่าเรื่องให้ฟัง และระหว่างนั้น “ปริญญ์”โทรมาเข้าอีกครั้งพอดี “ทนายตั้ม”จึงให้แม่รับสายและเปิดสปีกเกอร์โฟน และ”

ทนายตั้ม แม่เหยื่อสาว

ทนายตั้ม “อัดคลิปไว้ “ปริญญ์” พยายามขอโทษแม่ บอกว่าจะเข้ามากราบแม่ กราบน้อง บอกว่า เห็นแก่ความดีของคุณพ่อ ศุภชัย ที่ทำมาตลอด  “แม่ผู้เสียหาย” บอก “ปริญญ์”ว่า เดี๋ยวจะปรึกษาผู้ใหญ่ คือ “พลตำรวจตรี”  ทำให้”ทนายตั้ม”ทราบว่า แม่ปรึกษากับตำรวจอีกนายนึงมาก่อน

ระหว่างพูดคุยกัน “ทนายตั้ม” ถ่ายรูปน้องจากด้านหลัง และเอาไปโพสต์เฟซบุ๊กครั้งแรก จนเป็นข่าว แม่ยังบอกให้”ทนายตั้ม”ลบ แต่”ทนายตั้ม”ไม่ยอมลบ จากนั้นก็แยกย้ายกัน ไม่เคยเจอ”ทนายตั้ม”อีกเลย คุยกันแต่ทางไลน์ และแม่ไม่เคยแต่งตั้ง”ทนายตั้ม”เป็นทนายด้วย ตอนนี้มีทีมทนายความที่ดูแลคดีแล้ว 

“แม่เหยื่อสาว” ยืนยันว่า ไม่เคยมีใครติดต่อมาให้เงินเพื่อเคลียร์คดี ยืนยันว่า ศักดิ์ศรี ของลูกสำคัญกว่า ไม่เคยไปให้การกับตำรวจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม 

แม่เหยื่อสาว คดีปริญญ์

จุดเปลี่ยนอีกครั้งระหว่างแม่กับ”ทนายตั้ม” คือ “ทนายตั้ม”โทรหาแม่ จะส่งทีมงานมาหา เพื่อให้แม่เซ็นเอกสาร คัดค้านการประกันตัว แต่แม่กังวลใจที่จะพบกับ”ทนายตั้ม”หรือทีมงานอีกครั้ง เพราะกลัวถูกถ่ายภาพเหมือนที่พบกันครั้งแรก จึงปฏิเสธไป 

จากนั้น”ทนายตั้ม”ก็เริ่มให้สัมภาษณ์ว่า”แม่ผู้เสียหาย” ไม่ยอมให้ความร่วมมือ เพราะเชื่อว่ามี”พลตำรวจตรี”เข้ามาแทรกแซงคดี  ทั้งที่”แม่ผู้เสียหาย”ยืนยันตรงกันข้ามว่า พลตำรวจตรีได้แนะนำให้ไปแจ้งความ และทราบเรื่องนี้ก่อน “ทนายตั้ม”ด้วย

 

ทนายตั้ม

“แม่ผู้เสียหาย” ยืนยันว่า ได้เห็นภาพวงจรปิดในร้านอาหารเกิดเหตุแล้ว เห็นพฤติกรรมคุกคามทางเพศชัดเจน และก็มีคนนั่งกินอาหารอยู่ในร้านตามปกติ.

ที่มา: เนชั่นทีวี