เปิดภาพนาที “หมอปลา” และชาวบ้านนับร้อย บุกกุฏิเจ้าอาวาสวัดดังเมืองปากน้ำ พบพิรุธหลายอย่าง ก่อนเจอสีกาแอบซ่อนตัวใต้บันได
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี พาทัพกองทัพสื่อมวลชนเดินทางไปที่กุฏิเจ้าอาวาสวัดชื่อดังแห่งหนึ่ง ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ หลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าพบสีกาเข้าไปในกุฏิเจ้าอาวาสตั้งแต่ช่วง 16.00 น. และยังไม่กลับออกมา โดยมีชาวบ้านในพื้นที่กว่าร้อยคนเดินทางมาร่วมพิสูจน์ความจริงในครั้งนี้
ขณะที่หมอปลาและทีมงานพยายามเคาะประตูกระจกเรียกเจ้าอาวาสให้เปิดกุฏิเพื่อขอเข้าไปพิสูจน์ด้านใน แต่กลับพบว่าเจ้าอาวาสไม่ยอมเปิดให้แต่อย่างใด และมีหญิงสาวสูงอายุได้ออกมาปะทะคารมกับหมอปลาโวยวายด่าทอหมอปลาและกองทัพสื่อมวลชน ทำนองออกมาปกป้องทางตัวเจ้าอาวาส จนหวิดเกิดการปะทะกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจต้องเข้าห้ามปราบทั้งสองฝ่ายออกจากกัน
จนกระทั่งทางเจ้าอาวาสยอมลงมาเปิดประตูด้านหลังกุฏิให้ผู้สื่อข่าวและหมอปลาเข้าไปพิสูจน์ด้านใน ซึ่งพบว่าเป็นกุฏิสองชั้น โดยทาง พระสมุห์ อายุ 65 ปี เจ้าอาวาส พักอยู่ที่ห้องชั้น 2 และพาหมอปลาและสื่อมวลชนค้นดูในกุฏิเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่มีผู้หญิงหลบซ่อนตัวในกุฏิตามที่ถูกกล่าวหา
ขณะเดียวกันกองทัพสื่อมวลชนก็ตาไวเหลือบไปเห็นยางรัดผมสีดำของสุภาพสตรี ตกอยู่บนที่นอนของเจ้าอาวาส สื่อมวลชนจึงได้สอบถามว่าเป็นของใคร ตัวเจ้าอาวาสรีบชี้แจงว่ายางรัดผมดังกล่าว เป็นของตนที่เอาไว้รัดศีรษะแก้ปวดหัว ก่อนที่จะแสดงวิธีการรัดศีรษะให้ดู
ขณะเดียวกันทีมงานของหมอปลาและสื่อมวลชนได้ลงมาตรวจดูที่ชั้นล่างของกุฏิ กลับได้พบเสื้อชั้นในของผู้หญิงสีฟ้า ตกอยู่ที่พื้นใต้บันไดทางขึ้นชั้นสอง ใกล้กับราวไม้ที่มีผ้าจีวรวางคลุมอยู่ เมื่อผู้สื่อข่าวเปิดผ้าจีวรออกกลับได้พบว่ามีหญิงสาวนั่งขดตัวกอดเสื้อผ้า อยู่ในสภาพที่ไม่สวมใส่ชุดชั้นในแอบซ่อนตัวในจุดดังกล่าว
ซึ่งหญิงสาวคนดังกล่าวอยู่ในอาการหน้าซีดตัวสั้นไม่ยอมพูดจากับใคร และไม่กล้าออกมาเจ้าหน้าที่ต้องกันพื้นที่และนำเสื้อมาคลุมปิดบังใบหน้าก่อนจะพาตัวขึ้นไปด้านบนและหาชุดชั้นในมาให้สวมใส่
นอกจากนี้ ยังพบเหล้าซุกซ่อนอยู่ใต้โต๊ะหมู่บูชาอีกจำนวน 2 แบน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมดื่มอีก 1 ลัง วางอยู่ข้างตู้เย็น โดยที่ในห้องก็มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมดื่มชนิดเดียวกันแช่อยู่จำนวน 2 ขวด
หมอปลา เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านในพื้นที่ไปร้องเรียนกับตนที่เพชรบุรี ว่าเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้หญิงสาวเข้าออกกุฏิบ่อยครั้งในช่วงเวลากลางคืน โดยมีหลักฐานเป็นภาพหญิงสาวคนดังกล่าวที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเอาไว้ได้ ปั่นจักรยานเข้ามาในวัดและเดินหายเข้าไปในกุฏิเจ้าอาวาส
ล่าสุด เมื่อช่วง 16.00 น. ก็พบเห็นหญิงสาวคนดังกล่าวหายเข้าไปในกุฏิเป็นเวลานานและไม่กลับออกมา ตนจึงพากองทัพสื่อมวลชนเดินทางมาพิสูจน์ความจริงและก็ปรากฏดั่งภาพที่เห็น
ขณะที่บรรยากาศด้านนอก ซึ่งมีประชาชนหลายร้อยคนแห่เดินทางมาดูเหตุการณ์ และปิดล้อมกุฏิเจ้าอาวาสไว้ พร้อมตะโกนด่าทอและสาปแช่งพฤติกรรมของเจ้าอาวาสและหญิงสาวคนดังกล่าว จนทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำตัวเจ้าอาวาสและหญิงสาวออกจากกุฏิได้
จึงได้มีการประสานของกำลังสายตรวจเพิ่มจากโรงพักใกล้เคียงเข้ามาควบคุมสถานการณ์ พร้อมทั้งให้หมอปลา ออกมาเจรจากับชาวบ้านให้เปิดทางให้เจ้าหน้าที่ได้พาตัวหญิงสาวและเจ้าอาวาสออกจากกุฏิเพื่อพาตัวไปสอบสวนที่โรงพัก สถานการณ์จึงเริ่มสงบลงและยอมเปิดทางให้พาตัวหญิงสาวและเจ้าอาวาสออกจากกุฏิได้
แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตัวหญิงสาวและเจ้าอาวาสออกมาจากกุฏิเพื่อจะพาไปขึ้นรถ ชาวบ้านหลายร้อยคนได้ตะโกนด่าทอทั้งเจ้าอาวาสและหญิงสาวคนดังกล่าวอย่างเสียหายๆ และพยายามที่จะเข้ามารุมประชาทัณฑ์
เจ้าหน้าที่จึงต้องรีบพาตัวทั้งสองเดินทางขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าวัด แต่ก็ยังมีชาวบ้านพากันฝ่ากำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาทำร้ายทั้งสองก่อนที่จะขึ้นรถ เจ้าหน้าที่ต้องรีบขับรถพาออกจากวัดไปยังวัดทรงธรรมเพื่อให้เจ้าคณะตำบลทำการสึกจากการเป็นพระ ก่อนที่จะพาตัวกลับมาทำการสอบสวนที่โรงพัก สภ.สำโรงใต้ ซึ่งมีประชาชนมายืนรออยู่ที่หน้าโรงพักกว่า 50 คน
ด้าน พ.ต.อ.จักรพงศ์ นุชผดุง ผกก.สภ.สำโรงใต้ หลังขึ้นไปสอบถาม นายสมุทร อดีตเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ได้ยอมรับว่า การที่อยู่สองต่อสองกับหญิงสาวในยามวิกาลและในที่ลับตาคนมันก็ผิดแล้วโลกติเตียน จึงสมัครใจสึกจากการเป็นพระ
ส่วนในเรื่องอื่นๆ ยังไม่ยอมให้การใดๆ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ได้มีการสอบสวนตามกระบวนการก่อนส่วนตัวของผู้หญิงก็คงต้องสอบสวนก่อนเช่นกัน ว่ามีการกระทำผิดในคดีอาญาหรือไม่แต่ก็คงต้องรอการสอบสวนก่อน