ศบค.จัดกลุ่มจังหวัดลงลึกภาพรวมการแพร่ระบาดโควิด-19 เผยมี 12 จังหวัด โควิด ‘ขาลง’ อาจเข้าสู่โรคประจำถิ่นได้ก่อน ส่วน 21 จังหวัด โควิดยังเป็น’ขาขึ้น’ อีก 44 จังหวัด ‘ทรงตัว’ ย้ำการเข้าสู่โรคประจำถิ่นต้องมีอัตราเสียชีวิตรายสัปดาห์ต่ำกว่า 0.1% เป็นเวลา 2 สัปดาห์
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ถึงการไปสู่ ‘โรคประจำถิ่น’ สิ่งสำคัญอยู่ที่อัตราเสียชีวิต จะต้องต่ำกว่า 0.1% แต่ขณะนี้เราอยู่ที่ 0.31% ซึ่งบางกลุ่มจังหวัดบางกลุ่มยังอยู่ในระยะการต่อสู้ เพราะเป็นช่วงขาขึ้น บางจังหวัดทรงตัว และบางจังหวัดขาลง สถานการณ์ไม่เท่ากัน
1.กลุ่มจังหวัด ‘ขาขึ้น’ อยู่ในระยะการต่อสู้ (Combating) มี 21 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน แพร่ ลำปาง พิษณุโลก สุโขทัย กำแพงเพชร นครสวรรค์ สกลนคร บึงกาฬ เลย อุดรธานี ขอนแก่น นครพนม หนองคาย ยโสธร มหาสารคาม ศรีสะเกษ นนทบุรี นครนายก กาญจนบุรี และ อุทัยธานี
2. กลุ่มจังหวัดระยะ ‘ทรงตัว’ (Plateau) 44 จังหวัด ได้แก่ กทม. แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ น่าน เพชรบุรณ์ อุตรดิตถ์ พะเยา พิจิตร ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี สิงห์บุรี ลพบุรี ตาก สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ราชบุรี นครปฐม อ่างทอง สระบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุพรรณบุรี พัทลุง พังงา ชุมพร ชลบุรี สมุทรปราการ มุกดาหาร ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ระยอง ปราจีนบุรี ตราด สระแก้ว หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นคราชสีมา ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และ สุรินทร์
3.จังหวัดระยะ ‘ขาลง’ (Declining) มี 12 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี กระบี่ ระนอง ตรัง นครศรีธรรมราช ภูเก็ต สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และ นราธิวาส
ทั้งนี้ในแต่ละจังหวัดมีสถานการณ์แตกต่างกันไป การจะประกาศว่าเป็น ‘โรคประจำถิ่น’ ต้องช่วยกันเรื่องอัตราเสียชีวิต การบอกว่าไปถึงระยะนั้นแล้วหรือไม่ คือน้อยกว่า 0.1% ในรายสัปดาห์ เป็นจำนวน 2 สัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งเราใช้อัตราส่วนผู้เสียชีวิตจากโควิดหารด้วยผู้ป่วยโควิดรักษาแล้วคูณร้อย
ประเทศไทยมียอดติดเชื้อโควิดสูง 2 ช่วง คือ เม.ย. 2564 และ ม.ค. 2565 ซึ่งทิศทางขณะนี้คล้ายกำลังจะลง แต่ผู้เสียชีวิตยังทรงๆ เหมือนดูสูงขึ้นเล็กน้อย ส่วนสถานการณ์ปอดอักเสบยังอยู่เหนือเส้นคาดการณ์สีเขียว ใส่ท่อช่วยหายใจอยู่เหนือเส้นสีเหลือง และผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่เส้นสีเหลือง ซึ่งส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตยังไม่ได้รับวัคซีนและมีโรคประจำตัว