เมียตายคาบ้าน ผัวนอนเฝ้า 1 คืน ก่อนอุ้มศพไปฝัง อ้างป่วยโรคร้าย ตกดึกเจอหลอนแสงสีเขียวโผล่จากหลุมลอย

เมียตายคาบ้าน ผัวนอนเฝ้า 1 คืน เหตุเพราะเป็นวันพุธโบราณถือ ก่อนอุ้มศพไปฝังวันพฤหัสฯ ไม่ได้ทำพิธีใดๆ อ้างป่วยโรคร้าย ตกดึกเจอหลอนแสงสีเขียวโผล่จากหลุมลอยมาหา ฝ่ายตำรวจก็ด่วนสรุปฟันธงตายเองตามธรรมชาติ โดยไม่มีการชันสูตร

เวลา 17.30 น. วันที่ 12 ก.ย. 64 ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ คำนึง รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านหนองเอื้อง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ได้รับแจ้งเหตุจากผู้นำชุมชน ว่าได้มีลูกบ้านซึ่งเป็นสามีทำการฝังศพภรรยาหลังจากเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ รวมทั้งชาวบ้านเกรงว่าจะติดเชื้อโควิด-19 ภายในสวนยางพารา พื้นที่บ้านคลองลำชะ หมู่ 6 ต.แหลมสอม อ.ปะเหลียน หลังจากรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยผู้นำชุมชน

ภายในสวนยางพารา ห่างจากถนนคอนกรีตประมาณ 500 เมตร ซึ่งมีกงสี หรือที่พักคนงานตามภาษาใต้ จำนวน 1 หลัง ปลูกติดเรียงกัน 3 คูหา เป็นที่พักของ นายมิตร สุกเลื้อง อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 6 ต.ปะเหลียน อาชีพรับจ้างกรีดยางพารา ผู้เป็นสามี พักอาศัยอยู่กับภรรยาอายุประมาณ 38-40 ปี แต่ไม่พบนายมิตรอยู่ภายในกงสี

เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบบริเวณพื้นดิน ห่างจากกงสีไปประมาณ 30 เมตร มีร่องรอยการขุดหลุมเพื่อฝังกลบศพภรรยาของนายมิตร ลักษณะหลุมถูกขุดด้วยจอบด้ามสั้น ขนาดความกว้างประมาณ 0.8 เมตร ยาวประมาณ 1.2 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร ส่วนในกงสีพบภายในโล่ง มีเสื้อผ้าและที่นอนเก่า ด้านหลังที่พักคนงานพบจอบมีเศษดินติดอยู่ กับถุงมือผ้า คาดว่าเป็นของนายมิตรที่ใช้สวมในการขุดหลุมฝังศพเมีย

ขณะเดียวกัน นายมิตร ผู้เป็นสามี ได้เดินทางกลับมาจาก สภ.บ้านหนองเอื้อง เล่าว่า อยู่กินกับภรรยามาหลายปีแล้ว เคยเลิกรากันไปครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอีกครั้ง รับจ้างกรีดยางพาราพักอาศัยอยู่ที่กงสีของนายจ้างมาได้ประมาณ 5 ปี จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาภรรยาตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ติดเชื้อเอชไอวี และต่อมาประมาณ 5-6 เดือนที่แล้ว ภรรยากลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงจนอาการทรุดหนักขึ้นเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ร่างกายซูบโทรมผอมแห้ง เนื่องจากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

นายมิตร เล่าต่อว่า จนกระทั่งเมื่อวันพุธที่ 8 ก.ย. เวลาประมาณ 05.00 น. ที่ผ่านมา ภรรยาได้เสียชีวิต ตนจึงนำผ้าห่มคลุมร่างภรรยาไว้ พร้อมทั้งนั่งเฝ้าร่างที่ไร้ลมหายใจ 1 วัน 1 คืน เพราะมีความเชื่อว่า คนตายวันพุธ ไม่ควรที่จะฝังศพ หรือทำการฌาปนกิจ ทั้งกลัวโควิด และไม่อยากรบกวนใคร จนกระทั่งรุ่งเช้าวันที่ 9 ก.ย. ได้แบกร่างของภรรยาที่ห่อด้วยมุ้ง ผ้าห่ม และผ้าใบพลาสติก ไปฝังไว้ข้างกงสีในจุดดังกล่าว ปรากฏว่ากลางดึกคืนวันเดียวกันหลังจากฝังศพ ตนเห็นดวงไฟสีเขียวโผล่ขึ้นมาจากหลุมฝังศพ ลักษณะแสงจ้าสว่างเคลื่อนที่มาอยู่ใกล้ๆ ตอนนั้นเชื่อว่าเป็นวิญญาณของเมีย จึงได้บอกว่าจะไปทำบุญส่งไปให้ แสงดังกล่าวก็หายไป พอวันที่ 10 ก.ย. จึงเดินทางไปที่วัดโคกมะขามเพื่อทำบุญ โดยนำข้าว แกง น้ำ ไปถวายพระเสนอ วรธมฺโม เจ้าอาวาส พร้อมบอกเล่าถึงการตายของภรรยา และบอกว่าเห็นดวงไฟ ทางเจ้าอาวาสได้แนะนำให้ไปแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อบต. เพื่อจะได้หาทางช่วยเหลือทำให้ถูกกฎหมาย

ด้าน ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ คำนึง รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านหนองเอื้อง เปิดเผยว่า สามีของผู้ตายได้แจ้งความถึงการตายและฝังศพภรรยาในวันนี้ 12 ก.ย. ขณะเดียวกันก็ได้รับแจ้งจากผู้นำชุมชน จากการสอบปากคำเบื้องต้น และลงไปดูที่เกิดเหตุ รวมทั้งสอบถามพยานแวดล้อม ทราบว่าผู้ตายป่วยติดเตียงและเสียชีวิตลง สามีจึงได้ฝังศพภรรยา ซึ่งเป็นการตายตามธรรมชาติ แต่สามีดำเนินการไม่ถูกต้อง จากการสอบถาม อสม.ในพื้นที่ ทราบว่าภรรยาเป็นผู้ป่วยติดเตียง และผู้ตายก็ไม่น่าตายเพราะโควิด-19

อย่างไรก็ตาม สามีผู้ตายยังให้การวกวน ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ต่างหวาดผวาว่าผู้ตายจะติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ หรือสามีติดเชื้อด้วยหรือไม่ รวมทั้งมีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงไม่มีการชันสูตรพลิกศพ หรือเรียกสามีไปสอบสวน แต่กลับยืนยันการเสียชีวิตของผู้ตายโดยทันทีว่าเสียชีวิตโดยธรรมชาติ ทั้งที่ไม่มีผลชันสูตรยืนยันจากแพทย์ว่าตายตามธรรมชาติ หรือเป็นการฆาตกรรม หรือเสียชีวิตจากสาเหตุใด ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการประสานญาติผู้เสียชีวิตว่าติดใจในสาเหตุการตายหรือไม่ เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องต่อไป.