เมืองสุขภาพ!! “ภูมิใจไทย” โชว์วิสัยทัศน์ เชื่อมั่น! อุตสาหกรรม “ชีวภาพ-อาหาร-กัญชาเพื่อสุขภาพ”

นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทน กรุงเทพมหานคร พรรคภูมิใจไทย เปิดวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทย โดยระบุว่า พรรคภูมิใจไทยจะเน้นพูดถึงสิ่งที่ปฏิบัติได้จริงและได้ผลเร็ว โดยจะหยิบสิ่งที่ประเทศเรามีอยู่ แล้วนำมาต่อยอดให้ขับเคลื่อนอย่างก้าวกระโดด วันนี้เราต้องกลับมาทบทวนจุดแข็งของประเทศ แล้วพัฒนาจากสิ่งที่เป็นต้นทุนอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งในการพึ่งพาตนเอง

บทเรียนจากโควิดทำให้เรารู้ว่า ต่อให้อุตสาหกรรมใหญ่แค่ไหนก็จะพ่ายแพ้ได้ หากไม่มีความมั่นคงต่อสุขภาพที่จะพึ่งพาตนเองได้ และการที่ประเทศไทยสามารถรอดพ้นจากโควิด ได้ดีกว่าและเร็วกว่าชาติอื่น ก็เพราะการส่งเสริมสมุนไพรภายในประเทศ เช่น ฟ้าทลายโจร กระชายขาวและอื่นๆ รวมทั้งมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง ผ่าน อสส. และ อสม. เราจึงต้องเพิ่มศักยภาพนี้ให้เข้มแข็งต่อไป เมื่อเกิดความเข้มแข็งจากภายในก็จะเป็นแรงดึงดูดให้ต่างชาติมาลงทุน

“อุตสาหกรรมที่เรามีต้นทุนในประเทศอยู่แล้ว คือ อุตสาหกรรมชีวภาพ อาหาร เกษตร สมุนไพร และ อุตสาหกรรมการแพทย์ หรือเรียกรวมๆว่า “อุตสาหกรรมสีเขียว” ก็ได้ ในส่วนของอุตชีวภาพ คือ อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพในการผลิต เช่น เคมีภัณฑ์ อาหารคน อาหารสัตว์ ยา บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งทราบว่าทางกระทรวงอุตฯได้ริเริ่มทำการส่งเสริมแล้ว มีแผนอยู่แล้ว

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็สานต่อได้เลย แต่รัฐบาลใหม่นี้ต้องจริงใจในการช่วยผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำ เรื่องนี้ในอาเซียนให้ได้ เพราะจะทำให้เกิดการพัฒนาในภาคการเกษตร เชื่อมโยงกับ ภาคอุตฯต่อเนื่อง เกิดการสร้างงานที่ไม่กระจุกตัว และยังเป็นการสร้างรายได้ที่กระจายสู่ท้องถิ่น และนี่คือ การสร้างอธิปไตยทางการเมืองและอธิปไตยทาง เศรษฐกิจอย่างแท้จริง เป็นพื้นฐานการกระจายอำนาจอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด”

นางสาวภาดาท์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมต่อไปที่ควรได้รับการส่งเสริมอย่างยิ่ง คือ อุตสาหกรรมอาหาร อาหารไทยอร่อยไม่แพ้อาหารชาติใดในโลก อาหารไทยติดอันดับอาหารที่คนนิยมมากที่สุดในโลกหลายชนิด จุดเด่นของอาหารไทยคือ มีเสน่ห์ แต่ความท้าทายคือเราจะทำอย่างไรให้ คงเสน่ห์ คงเอกลักษณ์ และรสชาติที่เป็นไทยแท้ การรักษามาตรฐานจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราสามารถทำน้ำพริกให้ไปอยู่ในครัวของทุกบ้านในโลกได้ มันคือการเปิดตลาดมโหฬารเลย นี่เป็นสิ่งที่เรามีต้นทุนอยู่ และเอกชนสามารถพัฒนาได้ด้วยตนเอง และรัฐเสริมกำลังด้วยการช่วยส่งเสริมเรื่องวัตถุดิบ ช่วยสร้างแบรนด์ ช่วยสร้างดีไซน์บรรจุภัณฑ์ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลใหม่ควรจะพยายามทำให้เกิดขึ้น

“ต่อมาน่าจะเป็นไฮไลท์ ไอเดียของพรรคภูมิใจไทย เพราะเป็นการสร้าง เศรษฐกิจใหม่ ที่จะเชื่อมภาคเกษตร กับ ภาคอุตสาหกรรมการแพทย์ นั่นคือ การส่งเสริมการผลิตและบริโภคสมุนไพร ขอยกตัวอย่างสมุนไพรกัญชา ซึ่งตลาดตอนนี้ยังบริสุทธิ์อยู่มาก เราสามารถเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อสุขภาพของโลก เน้นว่าเพื่อสุขภาพ หากภาครัฐส่งเสริมอย่างถูกต้อง

ตั้งแต่การวิจัย การปลูก การผลิต การตลาด เชื่อว่าเอกชนจะสามารถต่อยอดได้อย่างไร้ขีดจำกัด ภูมิใจไทยจะปั้นประเทศไทยให้เป็น “เมืองแห่งสมุนไพร” เป็น soft power ที่ทรงพลังมาก ธรรมชาติของมนุษย์นั้น มักจะสรรหาสิ่งใหม่ๆมารักษาตัวเองเสมอ เมื่อคนได้รับผลเสียจากเคมีบำบัดมามาก คนก็จะหันเข้าหาธรรมชาติบำบัด ซึ่งก็คือ สมุนไพร”นางสาวภาดาท์ กล่าว

นางสาวภาดาท์ กล่าวว่า ปัจจุบันเรามีเอกชนที่เข้มแข็งในด้านนี้มากมาย เช่น อภัยภูเบศร บางครั้งวิกฤตก็สร้างโอกาส ช่วงโควิด สมุนไพรฟ้าทลายโจร ของอภัยภูเบศร ได้รับความนิยมมาก จนขาดตลาด ประเด็นก็คือ เราจะช่วยสร้างมูลค่าให้กับสินค้าอื่นๆอย่างไรได้บ้าง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ต้องจับมือกัน โดยภาครัฐต้องเป็นผู้ส่งเสริมให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด หากพรรคภูมิใจไทยมาเป็นรัฐบาล เราจะผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่ความเป็น ศูนย์กลางด้านสุขภาพของอาเซียน ได้อย่างแน่นอน

“อุตสาหกรรม ที่กล่าวถึงทั้งหมดในวันนี้ ถือเป็นอนาคตของเมืองไทย ที่ควรถูกขับเคลื่อนและสนับสนุนอย่างเข้มแข็งโดยรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งนี้ พรรคภูมิใจไทย เน้นวิธีคิดว่า “หยิบสิ่งที่มี มาแต่งตัวใหม่ให้โดดเด่น สร้างมูลค่าเพิ่ม ก่อนเอาไปขายสู้ตลาดโลก” เราไม่จำเป็นต้องวิ่งตามไปแข่งขันกับสิ่งที่เราไม่ถนัด แล้วเมืองนอกเค้าก็พัฒนาไปไกลแล้ว เราควรหันกลับมาต่อยอดสิ่งที่เรามีแต่คนอื่นไม่มี ทำให้มันเข้มแข็ง ยั่งยืน แล้วเราก็จะเป็น เศรษฐกิจพึ่งพาตัวเองได้

สิ่งเดียวกันนี้ ปรากฏในวิธีทำงานของพรรคภูมิใจไทย เราได้ชื่อว่าเป็นพรรคปฏิบัติการ สี่ปีที่ผ่านมา กับสามกระทรวงที่ พรรคภูมิใจไทยดูแล “สาธารณสุข ท่องเที่ยว คมนาคม” ทำงานด้วยวิธีนี้ จึงมีผลงานที่เป็นรูปธรรมมากมาย จึงอยากให้ทุกท่านมั่นใจได้ว่า วิสัยทัศน์ต่อไปที่ พรรคภูมิใจไทยวางไว้สำหรับ ประเทศไทย ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็จะเป็นจริงในอีกสี่ปีข้างหน้าเช่นกัน”