เล่าหมดเปลือก! “แจ็คสัน-หวัง” ซูเปอร์สตาร์ดัง เผยเคยดิ่งจนอยากหนี รับเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ!

ซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง “แจ็คสัน หวัง” หรือ “แจ็คสัน GOT7” เล่าหมดเปลือกปมเรื่องส่วนตัวอันไม่สมบูรณ์ ยอมรับเคยดิ่งและอยากหนีไป แต่เมื่อคิดได้จึงเปลี่ยนความคิด และคุยเรื่องรักตอนนี้ไม่มีแฟน เป็นโสดอยู่

คงต้องเรียกว่าสิ้นสุดการรอคอยแล้วสำหรับ Woody FM on Stage with Jackson Wang ที่จัดให้ตามคำเรียกร้องสำหรับทอล์กโชว์ แจ็คสัน หวัง (Jackson Wang) ศิลปินหนุ่มสุดฮอต ที่มาพูดคุยแบบเจาะลึกถึงตัวตน ชีวิตครอบครัว ความฝัน และความรัก ตอนนี้แจ็คสันคบกับใครอยู่หรือไม่ และความรู้สึกโดดเดี่ยวที่เขาต้องพบเจอ พร้อมยอมรับในมุมที่ตนเองไม่ได้สมบูรณ์แบบ ตอบทุกเรื่องราวกับสิ่งหลายคนยังไม่เคยรู้มาก่อน

แจ็คสัน หวัง เผยว่า “สบายดีไหม (พูดไทย) ตอนนี้สิ่งที่ผมตื่นเต้นคือกำลังเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตครับ เวิลด์ทัวร์ ที่จริงแล้วผมรู้สึกว่าโดยเฉพาะในปีนี้ ผมสามารถแสดงความรู้สึกและตัวตนของผมได้มากกว่าเดิม และแม้แต่กับผู้ชมของผม ผู้คนรอบตัวที่ได้รู้จักผม อาจจะรู้จักผ่านงานเพลง ผ่านวง GOT7 ผ่านรายการวาไรตี้ต่างๆ ไม่ว่าคุณจะรู้จักผมยังไงก็ตาม แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ ในช่วงที่ทำอัลบั้มนี้ อยากให้ผู้ชมรู้จักผมมากขึ้น เข้าใจผม เพราะเวลาที่คุณสนับสนุนอะไรบางอย่าง บางคน คุณคงอยากจะรู้ว่าต้องทำตัวยังไงกับคนแบบไหน และเขาหรือเธอเป็นยังไง ผมเลยอยากจะซื่อสัตย์กับผู้ชมของผม เพราะฉะนั้นในปีนี้ โดยเฉพาะการสัมภาษณ์ครั้งแรกของเรา ผมถึงรู้สึกดีใจมากที่ผมได้เปิดใจและพูดถึงตัวตนจริงๆ สภาพจิตใจผมพูดตรงๆ ว่าโดดเดี่ยวมากๆ ครับ ผมอาจมีผู้คนรายล้อมมากมาย ทั้งเพื่อนๆ ครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน แน่นอนว่าพวกเขามีความรักให้ผม แต่ลึกๆ แล้วผมรู้ว่าจิตใจ จิตวิญญาณของผมมันโดดเดี่ยว ผมไม่มีที่ให้พึ่งพิงทางใจและมันเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว และผมกำลังฟื้นฟูจิตใจจากเรื่องนี้อยู่”

“ถามว่าผมเคยมีตอนที่คุณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่ไม่รู้จะโทรฯ หาใครบ้างไหม พูดจริงๆ ผมไม่รู้ว่าจะโทรฯหาใครเลย อย่างพ่อแม่ผมเราทำงานด้วยกัน เรื่องการเงินหรืออะไรก็ตามก็มีส่วนร่วมกับงานที่บริษัทด้วย แล้วผมก็มีเพื่อนๆ ที่ทำธุรกิจด้วยกัน และผมรู้สึกเหมือนว่าผมเป็นฝ่ายให้ตลอด ลึกๆ แล้วผมไม่รู้สึกว่าผมได้รับ หลายๆ ครั้งผมไม่มีใครที่จะให้ผูกพันกันทางใจด้วย และผมก็รู้ว่า คนมักพูดว่า….รู้อะไรไหมในวงการนี้ วงการบันเทิง ธุรกิจบันเทิงหรืออะไรก็แล้วแต่ คุณจะโดดเดี่ยวขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นวิถีของวงการนี้ และคิดว่าผมกำลังเผชิญกับสิ่งนี้อยู่ แต่มันก็ดีขึ้นนะครับ ในจุดที่ผมได้เปิดใจที่จะพูดถึงมันมากขึ้น ในมุมมองนั้น มันก็ดีขึ้น”

แจ็คสัน เล่าต่อว่า “ผมคิดว่าก่อนอัลบั้ม Magic Man ในตอนนั้นผมกำลังเผชิญกับเรื่องนี้อยู่ความรู้สึกที่มันถาโถม และผมรู้สึกราวกับว่าอยู่ในห้องมืดๆ วิ่งวนอยู่ในห้องที่มืดสนิทแล้วก็ชนกับทุกสิ่งทุกอย่างรู้สึกแบบนั้น แต่ตอนนี้มันก็ยังเป็นเหมือนเดิมนะ ผมยังเผชิญกับความรู้สึกแบบเดิม แต่ผมรู้แล้วว่ามันคืออะไร มันชัดเจนขึ้นว่าผมกำลังเผชิญกับอะไร รู้ตัวมากขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ผมอยู่ในจุดลึกที่สุด จุดต่ำที่สุดของชีวิตทางด้านจิตใจ ผมอยากหนี ไม่อยากเผชิญหน้ากับมัน เพราะผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้สึกเหมือนสูญเสียทุกอย่างไปหมดตอนนั้นผมรู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่มันไม่ดี ผมเลยตัดสินใจที่จะแสดงด้านที่ไม่สมบูรณ์แบบของผมออกมา และผมก็รู้สึกว่าไม่เห็นเป็นไรเลยที่จะบอกคนอื่นๆ เพราะผมจริงใจ และผมไม่ได้สมบูรณ์แบบ คิดว่าแค่ต้องยอมรับมันให้ได้และเริ่มที่จะเปิดเผยตัวตน พูดคุยและติดต่อกับผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะก่อนหน้านั้นผมไม่ได้เป็นแบบนี้เลย เมื่อก่อนผมเอาแต่ทำงานๆ และพูดตรงไปตรงมา คิดว่าก่อนหน้านี้เหมือนกับผมแคร์มากเกินไป ที่ต้องพยายามทำให้คนที่อยู่รอบตัวผมพอใจ แต่ตอนนี้คิดได้ว่า อ้าว! แล้วตัวผมเองล่ะ นี่มันอาชีพของผม เส้นทางของผม จะไปคาดหวังให้พวกเขามีความฝันแบบเดียวกับผมไม่ได้ เพราะนี่มันฝันของผมไม่ใช่ฝันของพวกเขา พวกเขาก็มีฝันของตัวเองอยู่ เรื่องนี้มันเข้ามาในหัวของผม เลยคิดว่าผมต้องเป็นผู้นำในโลกของผม เป้าหมายของผมและความฝันของผมเอง”

“สิ่งที่อยู่ในใจผม ผมอยากให้ผู้ชมของผมและคนที่สนับสนุนรู้ว่า ผู้เป็นผู้สร้างความบันเทิง เป็นศิลปินนักแสดง ทั้งหมดที่ผมอยากจะทำคือมอบความบันเทิงในทุกๆ ด้านให้แก่พวกเขา ผมเคยพูดเรื่องนี้เป็นล้านครั้งแล้ว เพราะผมรู้สึกจริงๆ ว่า ชื่อเสียงความโด่งดังทั้งหลายมันก็เหมือนกับฟองสบู่ มันไม่ได้ยั่งยืนตลอดไป เพราะผมรู้สึกว่าในระยะเวลาจำกัดที่ผมมี ผมอยากให้ทุกคนยิ้มได้ ทำให้พวกเขาได้รับความบันเทิงผ่านดนตรีของผม ผ่านการแสดงหรืออะไรก็ตามจากผม ต้องการแค่นั้นเอง และอยากให้พวกเขาในเส้นทางอาชีพของพวกเขา กลายเป็นใครสักคนที่จะภาคภูมิใจในตัวเองได้ ผมแค่เป็นศิลปินคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาและจะจากไปได้ในทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นช่วงเวลาที่ผมมีตอนนี้อยากให้พวกเขารู้ไว้และเข้าใจมันจริงๆ ผมเคยพูดเรื่องนี้บ่อย แต่ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเข้าใจจริงๆ หรือไม่ เรื่องการจะออกจากวงการไม่รู้สิ ที่จริงผมเคยคิดว่าจะแต่งงานก่อนอายุ 35 นะ แต่ผมไม่รู้หรอกว่าเมื่อไหร่ ผมไม่คิดว่าผมจะออกจากวงการหรอก มันก็แค่วันหนึ่งผมอาจจะมีภรรยาในอนาคต และคิดว่ามันคงเป็นเรื่องของการให้ความสำคัญกับครอบครัวมาเป็นอันดับ 1 ก็เท่านั้นเอง”

“ส่วนเรื่องความรัก เราคุยได้แน่นอน คนถามผมเรื่องนี้เยอะนะ และผมก็เปิดใจที่จะพูดเรื่องนี้ด้วย จริงๆผมอยากเดทนะ แต่แค่ในความคิดของผม มันยังไม่พร้อม ตอนนี้ผมไม่ได้คบใครอยู่เลย ไม่มีๆ มันมักจะเป็นแบบนี้นะ อาจจะผ่านการทำงานหรือในประเทศต่างๆ ผมอาจจะพูดได้ว่า ผู้หญิงคนนี้สวยมาก แต่พอเราเริ่มคุยกัน เป็นไงบ้าง สบายดีไหม ทักทาย แล้วพอผ่านไป 2 นาที ผมก็ไปละ จบแค่นั้น มันมักจะเป็นแค่การพูดคุยสั้นๆ เกินกว่าจะต่อกันติด แล้วก็แบบว่าไง อาทิตย์หน้ามีแผนอะไรไหม? ผมก็จะบอกว่า อ๋อ! ผมบินกลับพรุ่งนี้แล้ว บายครับ มันเป็นแบบนั้น พูดตรงๆว่ามันยากที่จะสร้างความสัมพันธ์ ครั้งสุดท้ายที่คุณมีความสัมพันธ์เมื่อไหร่ ผมว่าปีครึ่งแล้ว แต่รู้ไหมมันมีมาตราฐานของความสัมพันธ์อยู่นะ มันมีทั้งแบบลงลึกและไม่ลึก มันแค่แบบว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย เพราะงั้นมันเลยออกจะเป็นสีเทาๆ อยู่นะ ไม่ขาวไม่ดำ มันแค่อยู่ในจุดที่ นี่เราทำอะไรกันอยู่ เราคุยกันมาสักพักแล้วแต่รู้สึกเหมือนกับว่าเราไปไม่ถึงไหนกันเลย”

“การคบกับผมเป็นเรื่องท้าทายไหม ไม่เลย นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ คนจะบอกว่า คุณเป็นคนดังนะ ผมว่ามันไร้สาระมากเลย คุณเข้าใจผมไหม มันก็แค่งาน เป็นอาชีพ เป็นหน้าที่ของผม ก็เหมือนกับคนที่เป็นโปรดิวเซอร์ เป็นหมอ เป็นทนาย เป็นเทรนเนอร์ เป็นแดนเซอร์ เหมือนกันเลย ผมคิดว่าคนตื่นเต้นกับการเป็นคนดังมากไปหน่อย ผมไม่ได้มองแบบนั้นเลย”