ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล ของเอลซัลวาดอร์ ประกาศว่ากองกำลังทหารและตำรวจประมาณ 10,000 นาย ปิดล้อมเมืองโซยาปันโกในเอลซัลวาดอร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามกลุ่มอันธพาลครั้งใหญ่
โดยมีการปิดถนนทุกสายที่มุ่งสู่เมือง ขณะที่กองกำลังพิเศษได้บุกค้นบ้านของผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกแก๊งอาชญากรรม เจ้าหน้าที่ยังได้หยุดและตรวจค้นประชาชนทุกคนที่เดินทางออกจากเมืองและตรวจสอบเอกสารระบุตัวตนอย่างละเอียดปฏิบัติการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามกลุ่มอันธพาลครั้งใหญ่หลังจากเกิดความรุนแรงขึ้นเมื่อต้นปีนี้
เมืองโซยาปันโก เป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเอลซัลวาดอร์ และมีประชากรมากกว่า 290,000 คน เมืองนี้ซึ่งอยู่ห่างจากกรุง ซาน ซัลวาดอร์ ไปทางตะวันตกเพียง 13 กม. เป็นที่รู้จักมานานแล้วว่าเป็นศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรม และก่อนหน้านี้ถือว่าไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้
ประธานาธิบดีบูเคเล ระบุในทวิตเตอร์ว่า ในขณะนี้เขตเทศบาลเมืองโซยาปันโกถูกปิดล้อมโดยสิ้นเชิง ทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้รับมอบหมายให้แยกสมาชิกแก๊งทั้งหมดที่ยังอยู่ที่นั่นออกเป็นรายบุคคล
เขากล่าวเสริมว่า ประชาชนทั่วไป “ไม่มีอะไรต้องกลัว” และกล่าวว่า การปราบปรามเป็นส่วนหนึ่งของ “ปฏิบัติการต่อต้านอาชญากร ไม่ใช่ต่อพลเมืองผู้บริสุทธิ์”
ภาพที่เผยแพร่โดยรัฐบาลแสดงให้เห็นกองกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยอาวุธหนัก หมวกนิรภัย และเสื้อเกราะกันกระสุน เดินทางด้วยยานพาหนะสงคราม
โดยนับตั้งแต่นายบูเคเลประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อปลายเดือน มี.ค. ทางการสั่งจำคุกผู้ต้องสงสัยแล้วกว่า 58,000 คน จากจำนวนประชากร 6.5 ล้านคน
กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าววิพากษ์วิจารณ์การปราบปรามในลักษณะนี้อย่างหนัก โดยกล่าวว่า มาตรการที่อนุญาตให้ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยโดยไม่ต้องมีหมายจับ นำไปสู่การคุมขังตามอำเภอใจ แต่พันธมิตรของนายบูเคเลกล่าวว่า การปราบปรามเป็นสิ่งจำเป็น หลังจากพบว่าคลื่นการก่อเหตุอาชญากรรม โดยกลุ่มคนร้ายถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรม 62 ศพภายในวันเดียว เมื่อวันที่ 26 มีนาคม
ผลสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดย มหาวิทยาลัยอเมริกากลาง (UCA) พบว่า 75.9 เปอร์เซ็นต์ของชาวเอลซัลวาดอร์เห็นด้วยกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน.