“บิ๊กตู่” จ้อรำลึก 7 ปีรัฐประหาร เข้าใจความขุ่นเคืองไม่พอใจของประชาชน โวเสถียรภาพการเงิน- คลังยังดี พร้อมพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด ก่อนนำทีมดูจุดระบายน้ำวงเวียนบางเขน ไม่วายแซะว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. ทำให้ได้อย่างที่พูด “ไพบูลย์” ชี้จบแล้วสูตรหาร 100 เสียง ส.ว.ไร้ผลไม่มีทางกลับไปใช้สูตรหาร 500 ได้อีก สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.-นายกเมืองพัทยา โค้งสุดท้ายคึกคักแข่งกันชูนโยบายดึงแต้ม แกนนำ นปช. 2 ขั้วแยกวงจัดรำลึก 12 ปีสลายเสื้อแดง “ตู่-จตุพร” โอดอดีตมิตรร่วมรบมองย้ายขั้ว รอจังหวะขึ้นชกไฟต์สำคัญ “เต้น” ปลุกแดงอย่าทรยศตัวเอง รวมตัวพรึบราชประสงค์ “นาดสินปฏิวัติ” จัดโขนตอน “สุครีพหักฉัตร” เชิงสัญลักษณ์ ผบ.ทบ.ทำบุญอุทิศให้ 7 ทหารครั้งแรก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวในวงเสวนา “ถามมา-ตอบไป เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม” รำลึก 7 ปีตอกย้ำความจำเป็นที่ต้องทำรัฐประหาร เข้าใจความขุ่นเคืองไม่พอใจของประชาชน ยืนยันเสถียรภาพทางการเงินการคลังยังดี พร้อมเดินหน้าพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด
“บิ๊กตู่” ย้อนรำลึก 7 ปีรัฐประหาร
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 พ.ค. ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าสยาม พารากอน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษ “อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ประเทศไทย” ในงานเสวนา “ถามมา-ตอบไป เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม” เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการพูดถึงผลงาน 8 ปีของรัฐบาล ตั้งแต่สมัยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาจนถึงรัฐบาลปัจจุบันว่า ย้อนคิดถึงวันที่ตัดสินใจเข้ามาบริหารประเทศเมื่อ 7 ปีก่อน วัตถุประสงค์เพื่อดำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของประเทศ บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ เข้าใจดีว่าต้องแลกกับการถูกกล่าวหาว่าเราไม่เป็นประชาธิปไตย แต่แม้จะมีอำนาจพิเศษมากมายก็ไม่ได้ใช้ทุกกรณี ใช้เท่าที่จำเป็น การตรวจสอบต่างๆ องค์กรอิสระยังเป็นอิสระไม่เข้าไปก้าวล่วงad
เข้าใจหัวอกประชาชนขุ่นเคือง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลบริหารประเทศภายใต้วิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จำเป็นต้องมี Master Plan คือยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้ทุกภาคส่วนเข้าใจและเห็นภาพในอนาคตเดียวกัน เมื่อเข้าสู่รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งปี 2562 ได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและความมั่นคงต่อเนื่อง เติบโตได้ดีในระดับหนึ่ง แต่วิกฤติโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 เป็นมหาวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุด ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการถดถอยทางเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงไทยที่พึ่งพาการท่องเที่ยวกว่าร้อยละ 20 ของ GDP นับเป็นโจทย์ที่ยาก เพราะเราสู้กับศัตรูที่มองไม่เห็น ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากมาเยียวยาช่วยเหลือประชาชนเพื่อตั้งหลักประคับประคองและกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลเข้าใจในความขุ่นเคืองไม่พอใจของประชาชนกับวิกฤติที่ยืดเยื้อกว่า 2 ปี และมีวิกฤติซ้อนวิกฤติสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนอีก
โวเสถียรภาพการเงิน-คลังดี
นายกฯกล่าวอีกว่า เรื่องสำคัญอีกเรื่องคือการประกาศให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้ไขหนี้ครัวเรือน ปัญหาความยากจนหากเราสร้างกลไกการทำงานกลไกความร่วมมือทุกระดับได้ ทุกอย่างจะทยอยดีขึ้น ไม่ใช่ว่าคนจนจะหมดไปในปีนี้หรือในทันที มันต้องอาศัยเวลาและความร่วมมือกัน ที่ผ่านมาแม้เราจะเจอกับวิกฤติรวมถึงความแตกแยกทางความคิดแค่ไหนก็ตาม รัฐบาลก็ยังเดินหน้าพัฒนาประเทศต่อเนื่อง หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ประเทศไทยต้องมีการลงทุน และเตรียมความพร้อมที่จะเติบโตด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ สิ่งที่รัฐบาลให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนได้ คือเรายังมีเสถียรภาพทางการเงินและการคลังที่ดี พร้อมรับมือกับวิกฤติที่ยืดเยื้อได้ พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคตได้ มีอุตสาหกรรมรองรับคนรุ่นใหม่ในด้านต่างๆ รวมทั้งมีโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมต่อกับประเทศในอาเซียนทุกด้าน ขอให้ประชาชนเชื่อมั่น อดทน ร่วมมือ ร่วมใจกัน ไม่ใช่เวลาขัดแย้งหรือบ่อน ทำลายชาติบ้านเมือง จากนั้นนายกฯได้เยี่ยมชมบูธ เป็นที่น่าสังเกตว่ามีผู้มาร่วมงานไม่มากเท่าที่ควร
ดูคืบหน้าที่จัดประชุมเอเปก
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ พร้อม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไปตรวจติดตามความคืบหน้า การก่อสร้างโครงการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) รองรับการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก (APEC 2022) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ตลอดปี 2565 มีความคืบหน้าประมาณ 88% และมีกำหนดส่งมอบงานช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.2565 คาดว่าการก่อสร้างจะเสร็จ 100% ภายในเดือน ส.ค. โดยนายกฯทักทายและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ก่อสร้าง ชื่นชมการออกแบบที่อนุรักษ์ความเป็นไทย แสดงถึงเอกลักษณ์และเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย โดยนายกฯมั่นใจเสร็จทันแน่นอน แล้วตรวจเยี่ยมการปรับพื้นที่สวนป่าเบญจกิตติ นอกจากเป็นพื้นที่ออกกำลังกายพักผ่อนแล้ว ยังใช้รองรับประชุมเอเปกในช่วงปลายปีที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพด้วย
แซะว่าที่ผู้ว่าฯ กทม.ทำอย่างที่พูด
จากนั้นนายกฯและคณะลงพื้นที่วงเวียนบางเขน กทม. ตรวจจุดระบายน้ำชั่วคราว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัญหาวันนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดแต่ปริมาณฝนตกมากกว่าประสิทธิภาพระบายน้ำเลยระบายไม่ทัน ต้องฝาก กทม. อย่าทำอะไรคนเดียว ถ้าไม่ไหวให้มาหารัฐบาล ต่อไปนี้เครื่องสูบน้ำทุกสถานีต้องใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไฟจะดับไม่ได้อย่าให้มีเด็ดขาด จากนี้ไปต้องพร้อม เราห้ามฝนไม่ได้ ฝาก กทม.ดูแลให้ดีที่สุด เร่งแก้ปัญหา มีแผนสำรอง มีแผนเผชิญเหตุ ถ้ามีปัญหากระทรวงมหาดไทยพร้อมสนับสนุน ส่วนผู้ว่าฯ กทม. ที่จะมาใหม่ ไม่รู้ว่าทำได้อย่างที่คุยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เรื่องงบฯทาง กทม. มีงบตัวเอง แต่รัฐบาลสนับสนุนมาตลอดงบฯสนับสนุนแต่ละปีมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท เมื่อถามว่าจะฝากอะไรผู้ว่าฯ กทม.ใหม่หรือไม่ นายกฯตอบว่า ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าปัญหามีเยอะ สิ่งสำคัญทุกคนต้องร่วมมือกับรัฐแก้ปัญหา ยิ่งทะเลาะกันยิ่งไปไม่ได้ใหญ่ ฉะนั้นจะเป็นผู้ว่าฯ กทม. หรือเป็นอะไรทำให้ได้ก็แล้วกัน แล้วให้เข้าใจ ด้วยว่างบฯมาจากไหนad
“บิ๊กป้อม” เมินตอบสูตร 100 หาร
ช่วงสายที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายเดวิด เดลี่ (H.E. Mr.David Daly) เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ใหม่ โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวแสดงความยินดีที่ไทย-สหภาพยุโรป มีความสัมพันธ์ราบรื่นในทุกมิติและพร้อมเป็นหุ้นส่วนเพื่อประโยชน์ร่วมกันในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ เพื่อความร่วมมือใน “อินโด-แปซิฟิก” ได้แก่ การต่อต้านประมง IUU จากนั้น พล.อ.ประวิตรให้การต้อนรับนายแร็มโก โยฮันเนิส ฟันไวน์คาร์เดิน เอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ใหม่ ทั้งนี้ หลังจากเสร็จภารกิจ พล.อ.ประวิตรในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีพรรคพลังประชารัฐสนับสนุนสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยใช้ตัวเลข 100 หาร
“ไพบูลย์” การันตี ก.ม.ลูกราบรื่น
ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมือง กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้มีการทบทวนรายงานการพิจารณาของกมธ.ฯ เพื่อส่งให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา บรรจุเข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาในวาระ 2-3 ต่อไป คาดว่าจะเป็นวันที่ 9 มิ.ย. มั่นใจว่าไม่มีปัญหา เสียงข้างมากในรัฐสภาจะเห็นชอบตามที่ กมธ.แก้ไข และจบวาระ 3 ในวันที่ 10 มิ.ย. ส่วนกระแสโหวตคว่ำร่างกฎหมายลูกเป็นไปไม่ได้ คงไม่สามารถกลับไปใช้สูตรที่ใช้ 500 หารได้อีก หลังจบวาระ 3 จะส่งให้ กกต.พิจารณาเนื้อหาว่าขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ หรือมีปัญหาต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.หรือไม่ ถ้าไม่มีประเด็นส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ จะส่งให้นายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประมาณปลายเดือน ก.ย. หรือต้นเดือน ต.ค. จะประกาศใช้ได้ ส่วน กมธ.ซีก ส.ว.ที่สนับสนุนให้ใช้ 500 หารนั้น ไม่ใช่ปัญหา การลงมติวาระ 2-3 ใช้เสียงเกินครึ่งของรัฐสภา ทั้งหมดชัดเจนอยู่แล้วต้องหารด้วย 100 ตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญมาตรา 91 ตัวแทน กกต. ใน กมธ.ก็ลงมติเห็นด้วยให้หารด้วย 100 กฎหมายลูกราบรื่นแน่ จะไม่มีอุบัติเหตุการเมืองเกิดขึ้นรัฐบาลจะอยู่ครบวาระad
“วิโรจน์–ช่อ” ตะลุยช่วงโค้งท้าย
ที่เขตบางขุนเทียนเวลา 08.00 น. น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า พร้อมนายวิเชียร กันทาทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่พบชาวบ้านเขตบางขุนเทียน โดย น.ส.พรรณิการ์ประชาสัมพันธ์ชักชวนชาวบ้านออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งวันที่ 22 พ.ค. และขอโอกาสให้เลือกนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคก้าวไกล เป็นผู้ว่าฯ กทม. และขอให้เลือก ส.ก.พรรคก้าวไกลเพื่อให้เข้าไปเปลี่ยนเกม เปลี่ยนกติกาที่ไม่เป็นธรรม สร้างเมืองที่คนเท่ากันที่เป็นไปได้จริง ต่อมานายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคก้าวไกล นำคณะลงพื้นที่เขตบางแค เขตบางขุนเทียน เดินตลาดหมู่บ้านเพชรเกษม 2 และชุมชนเคหะธนบุรี 1 บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนให้การตอบรับดี นายวิโรจน์กล่าวว่า ประชาชนตอบรับดีเกินคาด ตอนนี้ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้าย ประชาชนยังคงเชื่อมั่นในวิธีการสื่อสารเชิงนโยบาย
“สุชัชวีร์” ชูจุดขายมืออาชีพ
ด้านนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นำผู้สมัคร ส.ก.เขตบางเขน เดินหาเสียงที่ตลาดยิ่งเจริญ เชิญชวนพี่น้องประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 22 พ.ค. นายสุชัชวีร์กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม กทม. ว่า ฝนที่ตกลงมาเป็นการส่งสัญญาณแรงๆชัดๆ ว่าการเลือกผู้ว่าฯครั้งนี้ต้องคิดให้ดีๆ ต้องเลือกคนที่รู้เข้าใจและเชี่ยวชาญเรื่องน้ำ มิฉะนั้น กทม.จมน้ำแน่ๆ ทุกนโยบายถูกกลั่นกรองและตกผลึกมาแล้ว มีเป้าหมายเปลี่ยนกรุงเทพฯเป็นเมืองสวัสดิการที่ทันสมัย ต้นแบบอาเซียน 4 ปีนี้ต้องทำให้สำเร็จ ส่วนการปราศรัยใหญ่นัดสุดท้ายวันที่ 20 พ.ค. จะย้ำความสำคัญว่า กทม.ต้องบริหารตามหลักวิชาการ เอาใครที่ไม่รู้ไม่เข้าใจมามั่วไม่ได้ ตนมาพร้อมวิสัยทัศน์ชัดเจนเปลี่ยนกรุงเทพฯ ปัญหา กทม.หนักหนาสาหัส จำเป็นต้องใช้คนหนุ่มที่มีความรู้มีพลัง และผู้ว่าฯคนเดียวทำงานไม่ได้ต้องมา พร้อม ส.ก. 50 คน 50 เขต มั่นใจว่าคน กทม.จะให้โอกาสคนที่ทำงานได้
อ้อนขอแรงหนุนเด็กนาเกลือ
วันเดียวกันเวลา 09.00 น. นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา เบอร์ 4 กลุ่มพัทยาร่วมใจ พร้อมนายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร อดีตนายกเมืองพัทยา พี่ชาย และผู้สมัครสมาชิกสภาเมืองพัทยา เบอร์ 13-18 ลงพื้นที่หาเสียงย่านนาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นฐานบ้านเกิดของนายสินธ์ไชย ทั้งหมดนั่งรถจักรยานยนต์พ่วงข้างแห่ไปรอบชุมชนนาเกลือ ตลาดอมร ตลาดเก่าและตลาดใหม่นาเกลือ รวมถึงชุมชนหัวทุ่ง ได้รับการตอบรับจากพ่อค้าแม่ค้า ประชาชนตลอดเส้นทาง พร้อมเน้นย้ำนโยบายพัฒนาเมืองพัทยา ขอโอกาสให้ลูกหลานชาวนาเกลือเข้าไปทำงาน นอกกจากนี้ยังเน้นย้ำเรื่องการไม่ซื้อสิทธิขายเสียง และเชิญชวนประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค.นี้ อย่านอนหลับทับสิทธิกับ 10 ปีที่รอคอยad
“เบียร์” ฟื้นอัตลักษณ์นาเกลือ
นายปรเมศวร์ หรือเบียร์ งามพิเชษฐ์ ผู้สมัครนายกเมืองพัทยาเบอร์ 1 ทีมเรารักพัทยา กล่าวว่า นาเกลือในอดีตเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ด้วยเป็นจุดเริ่มต้นสร้างเมืองพัทยาให้กลายมาเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกเช่นทุกวันนี้ ทีมเรารักพัทยาจึงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่พัฒนาให้นาเกลือเจริญเติบโตไปข้างหน้า ภายใต้นโยบาย “ต่อยอด ต่อเนื่อง เพื่อเมืองพัทยาที่ดีขึ้น Better Pattaya” ทั้งการพลิกฟื้นอัตลักษณ์พื้นที่ป่าชายเลนกลางเมืองนาเกลือ อาคารบ้านเรือน วิถีชีวิตชาวประมง อาคารไปรษณีย์ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ โดยเฉพาะการสร้างรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ “นวัตนิเวศพาณิชย์” เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เช่น จัดกิจกรรมท่องเที่ยวทางเรือ กิจกรรมปล่อยลูกปลาหมึกคืนสู่ทะเล กิจกรรมเทศกาลอาหาร “เดินกินถิ่นนาเกลือ” ดื่มด่ำกับวิถีชีวิตชาวประมง ปรับปรุงพัฒนาสวนสาธารณะนาเกลือให้เป็นปอดของชาชน เป็นศูนย์กลางการออกกำลังกลาย เป็นการพลิกโฉมสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับนาเกลือ ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะต้องมาเที่ยว
“ชวน” นัดถกอภิปรายงบฯ 66
ที่รัฐสภา นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สำนักงบประมาณจัดส่งเอกสารร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 มายังสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เมื่อวันที่ 18 พ.ค. และแจ้งให้ ส.ส.มารับได้ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. เพื่อนำไปศึกษารายละเอียดเตรียมตัวอภิปรายวาระแรก วันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย. โดยวันที่ 26 พ.ค.นี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ นัดวิปฝ่ายรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านมาหารือร่วมกัน เพื่อกำหนดกรอบเวลาการอภิปรายของแต่ละฝ่ายad
กระทุ้ง “ลุงตู่” อย่ารักแค่ลมปาก
นางอนุรักษ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า กมธ.มีมติว่า กยศ.ควรคิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดหรือไม่เกินร้อยละ 0.25 เพื่อแบ่งเบาภาระนักเรียน นักศึกษา ยกเลิกค่าปรับกรณีผิดนัดชำระหนี้ ยกเลิกไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน เพราะผู้ค้ำส่วนใหญ่เป็นบุคลากรทางการศึกษา ผู้นำหมู่บ้าน ต้องโดนคดียึดบ้านยึดที่ดินขายทอดตลาดคืนหนี้ และเห็นควรยุติการฟ้องร้องลูกหนี้ เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ และเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯออก พ.ร.บ. นิรโทษกรรมทั้ง 2 ล้านราย เหมือนกับที่นิรโทษกรรมให้กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะตอนนี้กลายเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ติดเครดิตบูโร หมดโอกาสทำธุรกิจ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องกล้าทำเพื่อประชาชน อย่ารักแค่ลมปาก
โดดขวางควบรวมค่ายมือถือ
อีกเรื่อง นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ในฐานะผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ขอตั้งข้อสังเกตว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมโดยมิชอบหรือไม่ “ทรู” กับ “ดีแทค” มีบริษัทลูกที่ประกอบกิจการโทรคมนาคมอยู่หลายบริษัท หากมีการควบรวมกิจการสำเร็จแล้วจะมีส่วนแบ่งการตลาดสูง ถึงร้อยละ 54 ถือเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือตลาด ทำให้เหลือผู้ให้บริการหลักเพียง 2 ราย ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดที่เกี่ยวข้อง ตามประกาศ กสทช.2561 เป็นพฤติการณ์ผูกขาด ลด หรือจำกัดการแข่งขันที่จะกระทำไม่ได้ จึงไปยื่นหนังสือกล่าวโทษต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปเมื่อวันที่ 17 พ.ค.
“ตู่” นำ นปช.รำลึก 12 ปีเสื้อแดง
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่อาคารพีซทีวี กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดกิจกรรมรำลึกครบรอบ 12 ปี เหตุสลายการชุมนุม นปช.ที่แยกราชประสงค์ โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. พร้อมญาติผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ ร่วมกันจัดพิธีสงฆ์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต นายจตุพรกล่าวปราศรัยว่า การดำรงอยู่ของคนเสื้อแดงตลอด 12 ปียากลำบากและเจ็บปวด ชุมนุมปี 53 มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากที่สุด แต่ทุกวันนี้ไม่เคยได้รับความเป็นธรรม ตนพยายามกอบกู้ภาพลักษณ์คนเสื้อแดงทุกทาง โดยเฉพาะถูกกล่าวหาเผาบ้านเผาเมือง ผู้ก่อการร้าย พยายามเตือนพรรคเพื่อไทยไม่เชื่อ นิรโทษกรรมสุดซอยจะทำให้เกิดการรัฐประหาร ซ้ำยังโกรธ สุดท้ายมาปรับความเข้าใจก็สายไป วันนี้ตนกลับถูกหมู่มิตรมองว่าย้ายขั้วสลับข้าง แปลเจตนาทุกอย่างผิดหมด ถ้าเป็นจริงจะมีคดีเป็น 10 คดี ถูกถอนประกันเข้าออกคุกเหมือนที่เป็นอยู่หรือad
รอจังหวะขึ้นชกไฟต์สำคัญ
ประธาน นปช.กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองข้างหน้าไม่เป็นตามที่เราเห็น เคยคิดหรือไม่ว่า คสช.ยึดอำนาจ 22 พ.ค.57 วันดีคืนดีมาคืนอำนาจให้พรรคเพื่อไทยจะใจดีขนาดนั้นเลยหรือ เลือกตั้งสูตรไหนก็สามารถถูกมาใช้ตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญได้ทั้งหมด ยังมีเรื่องที่รัฐบาลไทยไปลงนามสนธิสัญญาร่วมกับสหรัฐฯ ที่อาจทำให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ดังนั้น ถ้าประเมินแล้วว่าประเทศมันไปยาก ไม่ว่าการเมืองภายในและภายนอก วันนั้นเราจะนัดหมายกันอีก เรายังต้องต่อสู้ ตนรอจังหวะโอกาสอยู่และคิดว่าอีกไม่นาน ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม ถึงไม่ได้ชกทุกยกเหมือนก่อน แต่ยกสำคัญขึ้นชกแน่นอน
“เต้น” ปลุกแดงอย่าทรยศตัวเอง
ที่ศาลาการเปรียญ วัดเสมียนนารี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นางธิดา ถาวรเศรษฐ และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่ม นปช. อีกขั้ว จัดพิธีสงฆ์ถวายสังฆทานอุทิศให้ผู้เสียชีวิต นายก่อแก้ว กล่าวว่า ที่ยังไม่สามารถนำความยุติธรรมมาให้ผู้สูญเสียได้ เพราะผู้ก่อเหตุยังอยู่ในอำนาจรัฐ ดังนั้นการต่อสู้ที่ดีที่สุดคือเลือกตั้งทุกครั้งให้เลือกฝ่ายประชาธิปไตยกลับมามีอำนาจรัฐ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า 15 ปีที่ต่อสู้กันในนามคนเสื้อแดง แม้ปัจจุบันมีคนหนุ่มสาวแบกรับภาระต่อ แต่เสื้อแดงเป็นเครื่องแบบเกียรติยศความภูมิใจ เราอาจอกหักหลายครั้งที่สู้แล้วเหมือนจะชนะ แต่ขอให้มั่นใจ ความรู้สึกหลังหักเพราะถูกหักหลัง ถูกลวงล่อทรยศจะไม่เกิดขึ้น เสื้อแดงหักหลังกันไม่ได้ เพราะเท่ากับทรยศตัวเอง คนที่ทรยศตัวเองไม่มีค่าความเป็นคน
“ปอย” พ้อ 12 ปีไร้ความยุติธรรม
น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา หรือปอย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ครบรอบ 12 ปีการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ในฐานะผู้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ขอร่วมไว้อาลัยให้ผู้เสียสละชีวิต และครอบครัวผู้สูญเสียที่ยังไม่ได้รับความยุติธรรม น่าเศร้าที่กระบวนการยุติธรรมไม่สามารถควานหาผู้กระทำผิดสั่งการฆ่าประชาชนกลางเมือง ตรงกันข้ามผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กลับมีตำแหน่งสูงขึ้น ชีวิตสุขสบาย กระบวนการยุติธรรมต้องเร่งสืบหาข้อเท็จจริง ที่ผ่านมาทำได้เพียงไต่สวนหาสาเหตุการตายมาจากกระสุนของเจ้าหน้าที่เท่านั้น ในวันนั้นภาพจำยังติดตามาจนถึงทุกวันนี้คือการใช้อาวุธและรถถังเข้าสลายการชุมนุม ชายแต่งชุดลายพรางทหารยืนบนรางรถไฟฟ้า กราดยิงใส่ผู้ชุมนุมเสื้อแดงในวัดปทุมวนารามอย่างโหดร้ายต่อหน้าต่อตา กระสุนปืนจำนวนมากพุ่งสู่ประชาชนมือเปล่าที่วิ่งหนีตาย 12 ปี ผู้เสียชีวิตและครอบครัวยังไม่เคยสัมผัสถึงเศษเสี้ยวความยุติธรรม ทำได้แค่รอหยาดฝนแห่งความยุติธรรม และวันนี้ยังมีคนส่งเสียงให้ระวังรัฐประหารขึ้นอีก คนไทยยังตกอยู่ในวังวนการยึดอำนาจโดยทหารไม่จบสิ้นad
รวมตัวเต็มพรึบราชประสงค์
ต่อมาเวลา 16.00 น. บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ กลุ่มศิลปินราษฎรทะลุคุก ราษฎรมูเตลู ในนาม “นาดสินปฏิวัติ” ร่วมกันจัดรำลึก 12 ปีเหตุสลายชุมนุม นปช. มีการตั้งโต๊ะหมู่บูชาพร้อมเครื่องบวงสรวง ธูปเทียนแดง เชิญวิญญาณผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ มีนายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า แกนนำกลุ่มราษฎร เป็นเจ้าพิธี กล่าวสาปแช่งผู้กระทำต่อคนเสื้อแดง มีการแสดงฟ้อนสวมหน้ากากผีนัต โดยเจ๊เขียว สะระแหน่ หรือมิ้น นาดสินปฏิวัติ ปิดท้ายด้วยการแสดงโขนตอน “สุครีพหักฉัตร” เป็นเชิงสัญลักษณ์ ส่วนบริเวณหน้าวัดปทุมวนาราม และหลังป้ายราชประสงค์ หน้าศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า มีการจัดกิจกรรมรำลึกให้ผู้เสียชีวิตเช่นกัน อาทิ จุดเทียนวางดอกไม้แดง พับตุ๊กตากระดาษเขียนชื่อผู้เสียชีวิตแขวนบนเชือก และมีผู้นำป้ายข้อความเรียกร้องความเป็นธรรมให้ผู้ตายไปแขวนด้วย
ผบ.ทบ.ทำบุญอุทิศให้ 7 ทหาร
อีกด้าน ที่ศาลา 5 วัดโสมนัสวิหาร พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. เป็นประธานบำเพ็ญกุศลอุทิศให้แก่กำลังพล 7 นาย ที่เสียชีวิตในการปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมปี 53 ถือเป็นการจัดงานครั้งแรกในรอบ 12 ปี มี พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ รอง ผบ.ทบ. พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ และ พล.อ.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 ญาติผู้เสียชีวิตและกำลังพลที่เคยบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์เข้าร่วมพิธี สำหรับทหารที่เสียชีวิตทั้งหมดเป็นกำลังพลของ พล.ร.2 รอ. ที่ได้รับคำสั่งให้เข้าดูแลความสงบพื้นที่ถนนดินสอ สี่แยกคอกวัว ในวันที่ 10 เม.ย.2553 ประกอบด้วย พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม พ.ท.อนุสิทธิ์ จันทร์แสนตอ ร.อ.ภูริวัฒน์ ประพันธ์ ร.อ.อนุพนธ์ หอมมาลี ร.ท.อนุพงษ์ เมืองอาพัน ร.ต.สิงหา อ่อนทรง และ ร.ต.ณรงค์ฤทธิ์ สาละ ทั้งนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ได้ทำการจารึกชื่อนายทหารทั้ง 7 นาย ลงบนโกศ พร้อมมอบทุนแก่ครอบครัว ผบ.ทบ.เปิดเผยว่า ทบ.อยากจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กำลังพลที่เสียชีวิตมาหลายปีแล้ว แต่ติดสถานการณ์โควิด เมื่อสถานการณ์คลี่คลายจึงถือโอกาสจัดเป็นครั้งแรก