บิ๊กโจ๊ก สรุปคดีคดีฆ่าหั่นศพ นักธุรกิจชาวเยอรมัน ชี้ โอลาฟ หัวโจกแก๊งOutlaws ตัวการหลัก ลั่น ไม่สนผู้ต้องหาปฏิเสธ ยันพยานหลักฐานชัด แม้ใช้วิธีแช่ศพก่อนหั่นเพื่อให้ไม่มีเลือด ฮึ่มต้องกวาดล้างมาเฟีย – ผู้มีอิทธิพล ต่างชาติ
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 23.00 น. วันที่ 11 ก.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภาค 2 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รรท. ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภาค 2 ชุดสืบสวนจังหวัดชลบุรี ชุดสืบสวน สภ.หนองปรือ ชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา ตม.จ.ชลบุรี ตร.ทท. ร่วมประชุมสรุปคดีฆ่าหั่นศพนักธุรกิจชาวเยอรมัน และประชุมกวาดล้างกลุ่มแก๊งมาเฟียต่างชาติที่มาอาศัยในพื้นที่โดยรอบเมืองพัทยา โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชม. ก่อนลงมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ต้องขอชื่นชมในการทำงานของตำรวจภูธรภาค 2 ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ทาง ตม.ชลบุรี โดยการสืบสวนใช้เวลาวันกว่าๆ ก็พบศพของนายปีเตอร์ ส่วนผู้ต้องหาที่ศาลอนุมัติหมายจับ 3 ราย จับกุมแล้ว 2 ราย คือ นาง เพทร่า คริสเติล กรุนด์กริฟ ( Ms.PETRA CHRISTL GRUNDGREIF ) อายุ 54 ปี และ นาย โอลาฟ ธรอสเทน บริงก์มันน์ ( Mr.Olaf Thorsten Brinkmann ) อายุ 52 ปี แต่เหลืออีก 1 คน น่าจะได้ตัวในเร็วๆนี้ อีกบางส่วน คือ เจ้าของบ้านที่เช่า มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว ดังนั้นคดีนี้ ตำรวจได้ตัวผู้ต้องหารายสำคัญและ มีการจับกุมได้ทั้งหมดแล้ว ส่วนพยานหลักฐานตำรวจมีเพียงพอที่จะทำให้ศาลลงโทษ ทั้งดีเอ็นเอ ลายพิมพ์ลายนิ้วมือ ลายพิมพ์ฝ่ามือ ร่องรอยพยานหลักฐาน บ้านที่เกิดเหตุรวมทั้งก้นบุหรี่ ซึ่งขณะนี้หลักฐานค่อนข้างมีความสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามนายโอลาฟ ยังไม่ให้การใดๆทั้งสิ้น แต่ถึงแม้จะให้การ หรือ ไม่ให้การ ก็ไม่หนักใจเพราะมีพยานหลักฐานเต็มไปหมด ทั้งดีเอ็นเอ ร่องรอยคราบเลือดต่างๆ แม้จะเป็นวิธีการเดิมๆในการหั่นศพ คือเอาศพไปแช่แข็งไว้ แล้วนำมาหั่นจะได้ไม่มีเลือด ซึ่งจริงๆแล้วการหั่นศพทุกครั้งยังไงก็มีเลือดกระเซ็น ยังไงก็ยังมีร่อยรอยหลักฐานหลงเหลืออยู่ รวมถึงเรื่องรถก็สามารถยึดพยานหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว เพราะฉะนั้นตำรวจมั่นใจ ยังไงก็ไม่รอด ที่ไม่รอดเพราะตำรวจทำงานเร็ว แต่ช้ากว่านี้หลักฐานจะหายไปหมด
ส่วนปมเหตุจูงใจ ยืนยันว่า ไม่มีเหตุจูงใจอย่างอื่นเป็นเรื่องของการประสงค์ต่อทรัพย์ โดยพฤติกรรมของ นายโอลาฟ จะทำตัวเป็นมาเฟีย และ ผู้มีอิทธิพล ให้กับคนต่างชาติ ที่มีสัญชาติเดียวกัน ใครจะมาทำธุรกิจในเมืองไทย ต้องมาจ่ายค่าคุ้มครอง เมื่อไม่จ่าย และ รู้ว่าใครมีทรัพย์ ก็จะใช้ นางเพทร่า เป็นคนหลอกมาแล้วทำการฆ่า ซึ่งหลักการคือประสงค์ต่อทรัพย์ ไม่มีเรื่องอื่น และ ไม่มีอะไรซับซ้อน ซึ่งพฤติกรรมต่างชาติแบบนี้ จะถูกกวาดล้างให้หมดสิ้น
ส่วนวันนี้เราเชิญตำรวจประสานงานประจำสถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ทางสถานฑูตก็ชื่นชมการทำงานที่สามารถรักษาชีวิตภรรยากับลูกเขาได้ปลอดภัย แต่สิ่งหนึ่งที่ทางประเทศเยอรมันมีข้อมูลของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เราก็จะเอาข้อมูลจากเขามาทำงานในประเทศไทยโดยการประสานข้อมูลกันในการทำงาน โดยจะเร่งทำข้อมูลให้เสร็จในสัปดาห์หน้าแล้วเราจะทำการตรวจค้นกัน
สิ่งที่ต้องทำต่อคือการไล่ความเชื่อมโยงว่ามีคนไทยเกี่ยวข้องหรือไม่ วันนี้ในตัวหัวหน้ากระบวนการหลักก็คือ กลุ่มแก๊งOutlaws ซึ่ง นายโอลาฟ เป็นตัวการหลัก และเมื่อหลายปีที่แล้วก็กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด วันนี้ได้สั่งการร่วมกับผบช.ภาค 2 ในการเอ็กซเรย์ทั้งหมด ใน พื้นที่หนองปรือ และ พัทยา ซึ่งกลุ่มขบวนการพวกนี้เป็นกลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่มาปักหลักอาศัยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ พัทยา ภูเก็ต และ เกาะสมุย อย่างเมืองพัทยา ก็พักในหนองปรือ
แต่มาเที่ยวฝั่งพัทยาแล้วก็ทำตัวเป็นมาเฟียเป็นผู้มีอิทธิพล ชาวต่างชาติคนใดที่มาทำธุรกิจก็ต้องผ่านคนเหล่านี้ ต่อไปนี้จะไม่มีแล้ว ซึ่งอยากฝากถึงประชาชนแจ้งเบาะแสมาที่ตน ผบช.ภาค .2 หรือทาง รรท. ผบก.ภ.จ.ชลบุรี ถ้าพบก็จะถอดวีซ่า ผลักดันออกนอกประเทศ แล้วทำแบล็กลิสต์ ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะไม่ให้อยู่ประเทศไทยอีกแล้วเพราะว่าเหตุการณ์ที่เกิดแต่ละครั้งสร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศไทยเรา อย่างเช่นจีนอุ้มจีน เยอรมันอุ้มเยอรมัน ต่อไปใครจะมาเที่ยวพัทยาก็ไม่อยากมา ใครจะมาลงทุนก็ไม่อยากมา