สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเผยแนวทางการปลูก-นำเข้า/นำติดตัวเพื่อใช้เฉพาะตนของกัญชา-กัญชง ภายหลังปลดล็อกพ้นจากยาเสพติด
วันนี้ (26 พ.ค.65) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้เผยแพร่คำถาม-คำตอบ แนวทางการปลูก นำเข้า และนำเข้า/นำติดตัวเพื่อใช้เฉพาะตน ของกัญชา กัญชง ภายหลังปลดล็อก กัญชา กัญชง พ้นจากยาเสพติด
การปลูก กัญชา กัญชง
1.การปลูก ต้องขอรับอนุญาตตามกฎหมายใด หรือไม่
ตอบ ไม่ต้อง ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 แต่ขอความร่วมมือให้ประชาชนที่ต้องการปลูกกัญชา กัญชง แจ้งข้อมูลผ่านระบบ Application “ปลูกกัญ” ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจัดทำขึ้น
การนำเข้า กัญชา กัญชง
1. การนำเข้าสารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชา กัญชง สามารถกระทำได้หรือไม่ อย่างไร
ตอบ สามารถกระทำได้ โดยการนำเข้าต้องขออนุญาตตามประมวลกฎหมายยาเสพติด เนื่องจากสารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชา กัญชง จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5
2.สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชา กัญชง ที่เป็นสารควบคุมคุณภาพในการตรวจวิเคราะห์และควบคุมคุณภาพของการตรวจสารเสพติดในร่างกายสำหรับใช้เป็นเครื่องมือแพทย์ จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 หรือไม่ และการนำเข้าต้องดำเนินการอย่างไร
ตอบ ไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษ ในประเภท 5 แต่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ ดังนั้นการนำเข้าต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องมือแพทย์
3. การนำเข้าผลิตภัณฑ์ (Finished product) ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชา กัญชง และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของส่วนต่าง ๆ ของพืชกัญชา กัญชง ต้องขอรับอนุญาตตามกฎหมายใด
ตอบ ไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 การนำเข้าจึงไม่ต้องขออนุญาตนำเข้าตามประมวลกฎหมายยาเสพติด แต่ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้น ๆ โดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์การใช้งานบนฉลากผลิตภัณฑ์หรือความมุ่งหมายของผู้ผลิต ดังนี้
กรณีอาหาร จัดเป็นอาหารห้ามนำเข้าตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 424 พ.ศ. 2564 ที่ออกตามมาตรา 6(8) ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสองปีและปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสองหมื่นบาท ที่เป็นโทษ ให้ปรับเป็นตันเลขบน info จะดูง่ายกว่า ทำทั้งหมดนะคะ
กรณีเครื่องสำอาง จัดเป็นเครื่องสำอางที่ห้ามนำเข้าตามประกาศฯที่ออกตามความในมาตรา 6(1) ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามความในพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558
กรณีการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น เช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์นั้น ๆ
4. การนำเข้าเมล็ดกัญชา กัญชง และส่วนอื่น ๆ ของพืชกัญชา กัญชง เช่น เปลือก ลำต้น ใบ เส้นใย กิ่งก้าน ราก ยอดหรือช่อดอก มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ หรือเป็นวัตถุดิบในการผลิตสารสกัดจากกัญชา กัญชง ต้องขอรับอนุญาตตามกฎหมายใด
ตอบ ต้องขอรับอนุญาต ดังนี้
1. ขออนุญาตนำเข้าตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 และกรณีนำเข้าเมล็ดกัญชา กัญชง ต้อง
ขออนุญาตนำเข้าตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 เพิ่มเติมด้วย
2. เมื่อได้รับอนุญาตตามข้อ 1 แล้ว หากจะนำพืชกัญชา กัญชงดังกล่าวมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ หรือเป็นวัตถุดิบในการผลิตสารสกัดจากกัญชา กัญชง ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้น ๆ โดย
1.กรณีผลิตเป็นอาหาร ไม่สามารถนำเข้าได้ เนื่องจากจัดเป็นอาหารห้ามนำเข้า
2.กรณีผลิตเป็นเครื่องสำอาง ไม่สามารถนำเข้าได้ เนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่ห้ามนำเข้า
3.กรณีผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์นั้น ๆ
ซึ่งหากได้รับอนุญาตให้ผลิตถูกต้องตามกฎหมายแล้ว การพิจารณาตรวจสอบการนำเข้าเพื่อเป็นวัตถุดิบ
ในการผลิตผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ก็สามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกัน
การนำเข้า/นำติดตัวเพื่อใช้เฉพาะตน ของกัญชา กัญชง
1. การนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชา กัญชง และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของส่วนต่าง ๆ ของพืชกัญชา กัญชง รวมถึงการนำเข้าส่วนต่าง ๆ ของพืช เพื่อใช้เฉพาะตัว ครอบคลุมการนำเข้าในลักษณะใดบ้าง และมีการกำหนดหลักเกณฑ์ไว้หรือไม่ อย่างไร
ตอบ การนำเข้าตามข้อ 1 เพื่อใช้เฉพาะตัว ครอบคลุม 2 ลักษณะ ดังนี้
1. การนำติดตัวผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร และ
2. การส่งทางพัสดุ/ไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
ผู้นำเข้าเพื่อใช้เฉพาะตัว จะต้องเป็นบุคคลธรรมดาและนำมาใช้เองเท่านั้น โดยพิจารณาจากรูปแบบของสินค้าที่นำเข้า ดังนี้
ก. การนำเข้าในรูปแบบของผลิตภัณฑ์
ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์นั้น หากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจัดเป็นอาหาร หรือเครื่องสำอาง จะไม่สามารถนำเข้าได้
ข. การนำเข้าในรูปแบบส่วนต่าง ๆ ของพืช
ต้องได้รับอนุญาตให้นำเข้าตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 ก่อน ส่วนกรณีนำเข้าส่วนต่าง ๆ ของพืชกัญชา กัญชง มาเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อใช้เฉพาะตัว ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพร
กัญชา
ข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ภาพจาก AFP (แฟ้มภาพ)