แรงงานไทย เฮ! “สุชาติ” รมว.แรงงาน เซ็นลงนามข้อตกลง 2 ฉบับ จัดหาแรงงานไปทำงาน “ซาอุดีอาระเบีย” นับเป็นประวัติศาสตร์สำคัญ ที่จะทำให้การจัดหาแรงงานไทยไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 65 ที่กระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมซาอุดีอาระเบีย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน พร้อมคณะได้ร่วมพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านแรงงานกับนายอะห์หมัด บิน สุไลมาน อัลรอยิฮี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมซาอุดีอาระเบีย โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน นายสธน เกษมสันต์ ณ อยุธยา อุปทูต ณ กรุงริยาด เข้าร่วมพิธีด้วย
นายสุชาติ กล่าวว่า จากการหารือระหว่างกระทรวงแรงงานและกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมซาอุดีอาระเบีย ในระหว่างการเยือนซาอุดีอาระเบียของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25-26 ม.ค. ที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียต้องการแรงงานไทย กระทรวงแรงงานได้ผลักดันความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างสองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งดำเนินการขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม เตรียมความพร้อมในการพัฒนากำลังแรงงานให้ตรงกับความต้องการ และรับสมัครคนงานที่ประสงค์จะเดินทางไปทำงานจนนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงด้านแรงงาน 2 ฉบับ ได้แก่ ความตกลงว่าด้วยการจัดหาแรงงานระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และความตกลงว่าด้วยการจัดหาแรงงานในบ้านระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า สาระสำคัญของความตกลงด้านแรงงานทั้งสองฉบับนี้เป็นการกำหนดกระบวนการจัดหางานตามกฎหมายของคู่ภาคี ตั้งแต่การจัดหาจนถึงการส่งกลับประเทศ ให้ความสำคัญลำดับแรกกับการจัดหาแรงงาน โดยการจัดการหรือกำกับโดยรัฐบาลของประเทศคู่ภาคี ทั้งนี้ หากต้องจัดหาแรงงานโดยหน่วยงานจัดส่งที่ได้รับการจดทะเบียนและมีจริยธรรม มีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัด ห้ามการหักค่าใช้จ่ายจากการตัดเงินเดือนของแรงงาน และมีการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการคุ้มครองแรงงานที่เคร่งครัด รวมทั้งทั้งสองประเทศต้องร่วมมือกันเร่งรัดการยุติปัญหาอันเกิดจากการปฏิบัติตามและการบังคับใช้บทบัญญัติแห่งข้อตกลงทั้งสองฉบับ
“การลงนามความตกลงด้านแรงงานในครั้งนี้ นับเป็นก้าวประวัติศาสตร์สำคัญที่จะทำให้การจัดหาแรงงานไทยไปทำงานในประเทศซาอุดีอาระเบียเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยคำนึงถึงพันธกรณีระหว่างประเทศด้านแรงงานของทั้งสองประเทศ และความร่วมมือในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ปกป้องคุ้มครองสิทธิของนายจ้างและแรงงาน รวมถึงการบังคับใช้กฎระเบียบ สัญญาจ้างงานระหว่างกันที่เป็นธรรม แรงงานได้รับค่าจ้าง สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย รวมทั้งจะทำให้ภาคแรงงานของไทยสามารถเดินทางกลับซาอุฯ ได้อีกครั้ง เพิ่มโอกาสการทำงานให้แรงงานไทย รวมถึงช่วยพัฒนาทักษะแรงงานไทย ต่อยอดไปยังความร่วมมือด้านอื่นๆ” นายสุชาติ กล่าว.