สหรัฐฯ พบผู้โชคดีถูกรางวัลแจ็กพอตลอตเตอรี่ “เมกะ มิลเลียนส์” และได้รับเงินรางวัลราว 1,350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 44,550 ล้านบาท
สหรัฐฯ พบผู้โชคดีถูกรางวัลแจ็กพอตลอตเตอรี่ “เมกะ มิลเลียนส์” และได้รับเงินรางวัลราว 1,350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 44,550 ล้านบาท ในการจับรางวัลเมื่อวันที่ 13 มกราคม หลังจากไม่มีผู้คว้าเงินแจ็กพอตดังกล่าวในการจับรางวัลตลอด 25 งวด ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
นายแพท แมคโดนัลด์ ผู้อำนวยการลอตเตอรี่ของรัฐโอไฮโอ และผู้อำนวยการของเมกะ มิลเลียนส์ คอนซอร์เทียม กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ขอแสดงความยินดีกับลอตเตอรี่รัฐเมน ซึ่งเพิ่งถูกแจ็กพอตเมกะ มิลเลียนส์เป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นแจ็กพอตที่มีเงินรางวัลมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เป็นลำดับที่สี่ในประวัติศาสตร์ของเมกะ มิลเลียนส์”
ลอตเตอรีที่ถูกรางวัลซึ่งมีราคา 2 ดอลลาร์ และตรงกับหมายเลขทั้ง 6 หมายเลข ถูกซื้อที่ร้านสะดวกซื้อ โฮมทาวน์ แก๊ส แอนด์ กริลล์ ในเมืองเลบานอน รัฐเมน ผู้ถือตั๋วซึ่งยังไม่ระบุตัวตน มีทางเลือกในการรับรางวัลเป็นเงินก้อนจำนวน 723.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 23,875 ล้านบาท หรือรับเงินรางวัลเป็นรายปีตลอด 30 ปี
ทั้งนี้ จากข้อมูลในเว็บไซต์ของเมกะ มิลเลียนส์ ผู้ชนะส่วนใหญ่จะได้รับเงินก้อนซึ่งจะถูกหักเงินภาษีจำนวนมาก โดยหมายเลขที่ถูกรางวัลแจ็กพอตในครั้งนี้คือ 30, 43, 45, 46 และ 61 รวมถึงหมายเลขพาวเวอร์บอล 14
เฟรด คอตโทร เจ้าของร้าน โฮมทาวน์ แก๊ส แอนด์ กริลล์ เปิดเผยว่า “เรายังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ชนะ แต่เรากำลังรออย่างใจจดใจจ่อเพื่อดูว่าใช่หนึ่งในเพื่อนของเราหรือไม่”
เงินแจ็กพอตครั้งนี้เริ่มมีการสะสมมาตั้งแต่ที่มีผู้ชนะครั้งล่าสุดที่ชนะเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม โดยเป็นการแบ่งเงินรางวัล 502 ล้านดอลลาร์จากลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลในแคลิฟอร์เนียและฟลอริดา โดยถือเป็นเงินรางวัลที่มากที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ 20 ปีของเมกะ มิลเลียนส์ โดยเป็นรองเพียงรางวัลแจ็กพอต 1,537 ล้านดอลลาร์ ในเซาท์แคโรไลนา เมื่อเดือนตุลาคม 2018
นอกจากลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลแจ็กพอตแล้ว พบผู้ถูกลอตเตอรีจำนวน 14 ใบ ที่มีหมายเลขทั้งห้าหลักตรงกับเลขที่ออกรางวัล ที่ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ โดย 4 ใบจำหน่ายในรัฐนิวยอร์ก 2 ใบในรัฐแคลิฟอร์เนีย และ 1 ใบในรัฐฟลอริดา อิลลินอยส์ แคนซัส เคนทักกี มิสซูรี นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และเทกซัส
ครึ่งหนึ่งของรายได้จากการจำหน่ายลอตเตอรี่เมกะ มิลเลียนส์ แต่ละใบ จะยังคงอยู่ในรัฐที่มีการจำหน่าย ซึ่งเงินดังกล่าวจะนำไปใช้ในการสนับสนุนในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา หรือเงินบำนาญพนักงานของรัฐ และค่าคอมมิชชั่นของผู้ค้าปลีก.