โต้ทุจริตกาบัตรเลือกตั้ง!! กกต.แจงแค่เซ็นตรวจรับ จ่อฟ้องคนบิดเบือน

คลิปว่อนโซเชียล จนท.กาบัตรล่วงหน้ากลางกรุง ผอ.เขตลาดกระบังแจงเป็นขั้นตอนลงนามหน้าปกเล่มตรวจรับบัตร ก่อนส่งต่อหน่วยเลือกตั้ง “แสวง” โวยเล่นสกปรกปล่อยคลิปบิดเบือนปั้นข่าวเท็จไม่เป็นประชาธิปไตย ยันประธานอนุกรรมการเขตรับมอบบัตร เซ็นหน้าปกบัตรตามระเบียบ กกต. ส่งมอบกรรมการประจำหน่วย ป้อง จนท.ไม่ได้พลิกเอกสารหรือกาบัตร กกต.ไม่เร่งเคาะคำร้อง “พิธา” ถือหุ้นสื่อ สั่งสำนักงบฯ-กระทรวงพลังงานแจงเพิ่มขอหมื่นล้านช่วยค่าไฟ “เรืองไกร” ยื่นเพิ่มข้อบังคับก้าวไกล ฟัน “ทิม” พ้น หน.พรรคโยงสอยผู้สมัคร ก.ก.ยกพวง “ศรี” ได้เลือด “ลุงทศพล” บุกตบปากแตก ฉุนรับงานร้องเรียนพร่ำเพรื่อ ภาคประชาชนระแวง ลต.ล่วงหน้าไม่สุจริต จี้เปิดเผยบัตรกาล่วงหน้าผิดพลาด และจำนวนบัตรที่ได้รับก่อนและหลังหย่อนบัตรเสร็จ “บิ๊กตู่” อ้อนคนเมืองคอนเชื่อพี่อีกครั้ง โอดได้ ส.ส.เขตน้อยกลับบ้านนอน พท.เตรียมปิดชั้น 7 ฉลองชัยมั่นใจชนะเกิน 200 เสียง

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยืนยันความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส เป็นธรรมและน่าเชื่อถือ แต่ยังเกิดปัญหาหลายประการทำให้ถูกสังคมจับตาอย่างเข้มข้น ล่าสุดโลกโซเชียลเผยแพร่คลิปที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นภาพเจ้าหน้าที่กำลังกาบัตรลงคะแนนล่วงหน้า

เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลได้มีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่จากกล้อง CCTV โดยมีการวิพากษ์ วิจารณ์ว่าเป็นภาพที่เจ้าหน้าที่กำลังกาบัตรเลือกตั้งก่อนล่วงหน้า ทั้งที่ยังไม่ได้ถึงวันเลือกตั้งจริงในวันที่ 14 พ.ค. โดยระบุเป็นคลิปเหตุการณ์เมื่อ 10 พ.ค.2566 เวลา 19.16 น. ภายในห้องเก็บรักษาบัตรเลือกตั้ง สำนักงานเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร

ผอ.เขตแจงลงนามปกเล่มตรวจรับบัตร

นายชัชชญา ขำจันทร์ ผอ.เขตลาดกระบัง ชี้แจงกรณีโซเชียลโพสต์สอบถามคลิปเหตุการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ จากกล้อง CCTV ว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อ 10 พ.ค.66 เวลา 17.30-21.00 น. ภายในห้องเก็บรักษาบัตรเลือกตั้ง สำนักงานเขตลาดกระบัง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตามคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งและผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานในการเลือกตั้ง ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 20 จำนวน 27 คน และเขตเลือกตั้งที่ 18 กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 คน นำบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ (สีเขียว) จำนวน 147 กล่อง กล่องละ 50 เล่ม รวม 7,350 เล่ม และแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง (สีม่วง) จำนวน 147 กล่อง กล่องละ 50 เล่ม รวม 7,350 เล่ม ที่ได้รับการจัดสรรจากไปรษณีย์ไทย มาตรวจรับบัตรและลงนามปกเล่มบัตรเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายในกำหนดวันที่ 10 พ.ค.

“เป็นไปตามขั้นตอนที่ กกต. กำหนดเพื่อส่งมอบบัตรเลือกตั้งให้กับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) จัดเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโดยคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานรักษาความปลอดภัยบัตรเลือกตั้งและวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งสำหรับออกเสียงลงคะแนน ดูแลรักษาความปลอดภัย ขั้นตอนดังกล่าว สำนักงานเขตลาดกระบังได้ดำเนินการตามกฎระเบียบและคำสั่งของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ถูกต้องตามขั้นตอนทางกฎหมาย” นายชัชชญากล่าว

บัตร ลต.ล่วงหน้าส่งถึง 400 เขต

เมื่อเวลา 14.30 น. ที่สำนักงาน กกต. นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการเลือกตั้งว่า ขณะนี้สำนักงานได้ส่งบัตรที่จะใช้เลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ไปถึงทั้ง 400 เขตเรียบร้อยแล้ว และวันที่ 11 พ.ค.ได้ส่งบัตรออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา กกต.และไปรษณีย์ได้ตรวจสอบความถูกต้องของทุกซอง แล้วจะส่งไปยังทุกหน่วยเลือกตั้งทุกเขต รวมถึงส่งบัตรออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่มีการส่งกลับมาแล้วทั้งหมด 91 สถานทูต และสถานกงสุลใหญ่ จาก 94 สถานทูต คิดเป็นร้อยละ 96.8 เหลือเพียง 3 สถานทูต คือ 1.สถานทูตกรุงพริทอเรีย แอฟริกาใต้ 2.สถานทูตกรุงมาปูโต ประเทศโมซัมบิก และ 3.สถานทูตกรุงเม็กซิโก ประเทศเม็กซิโก โดย 2 สถานทูตแรกจะมาถึงในวันที่ 11 พ.ค. ส่วนของเม็กซิโกจะถึงวันที่ 12 พ.ค. โดยเจ้าหน้าที่ถือเข้ามา จะคัดแยกและส่งไปยัง 400 เขตในวันที่ 12 พ.ค.ต่อไป

โวยปล่อยคลิปบิดเบือนเล่นสกปรก

นายแสวงกล่าวต่อว่า ช่วงนี้มีการทำข่าวเท็จข่าวบิดเบือน กกต.ตรวจสอบพบกว่า 100 เรื่อง เช่น มีการแชร์คลิปวิดีโอขณะเจ้าหน้าที่กำลังเซ็นชื่อในเล่มบัตรเลือกตั้ง แต่โซเชียลมีเดียไปกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่กำลังกาบัตร ในข้อเท็จจริงบัตรเลือกตั้งที่ปรากฏเป็นบัตรที่ กกต.จัดส่งไปยัง 400 เขต และประธานอนุกรรมการเขต กำลังรับมอบบัตร โดยเซ็นหน้าปกบัตรตามระเบียบ กกต.เพื่อส่งมอบให้กับกรรมการประจำหน่วยจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้พลิกเอกสารหรือกาในบัตรลงคะแนน การที่เราได้เห็นภาพนี้เพราะสำนักงานสั่งให้ถ่ายวิดีโอ เพื่อไม่ให้ใครนำบัตรไปทำอะไร แต่กลับมีการนำภาพดังกล่าวไปบิดเบือนว่าสำนักงานกำลังกาบัตร เป็นต้น ขณะนี้สำนักงานกำลังดำเนินการกับผู้ปล่อยข่าวเท็จเหล่านี้

ซัดปั้นข่าวเท็จไม่ใช่ประชาธิปไตย

“อยากขอว่าท่านจะรู้สึกอย่างไรกับ กกต.แสดงความเห็นได้ แต่อย่าบิดเบือนทำให้การเลือกตั้งสกปรก เพราะการบิดเบือน หรือทำข่าวเท็จมันไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยคือเราอยู่กันด้วยความจริงและใช้เหตุผล ไม่ใช่อยู่บนความรู้สึกนึกคิดที่ขาดหลักการ ฉะนั้น เราควรรักษาการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะถ้าคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นทางออกของประเทศ ขอให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันทำงานและรักษาการเลือกตั้งและสถานการณ์ไปจนถึงวันที่ 14 พ.ค. ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย” นายแสวงกล่าว

“สมชัย” ช่วยเคลียร์แค่ จนท.เซ็นชื่อ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย (สร.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีการเผยแพร่คลิปที่อ้างมีเจ้าหน้าที่ กกต.กำลังกาบัตรเลือกตั้งเพื่อโกงการเลือกตั้งว่า มีคลิปที่เผยแพร่เป็นไวรัลกัน ว่าเป็นการโกงการเลือกตั้ง คลิปนี้ไม่ใช่การโกงเลือกตั้งโดยระดมกันกาบัตร เป็นการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของกรรมการประจำหน่วยที่ต้องตรวจรับบัตรเลือกตั้งและเซ็นชื่อที่ปกร่วมกันก่อนจัดให้มีการเลือกตั้ง สังเกตดูจะเป็นปกไม่ใช่บัตร และเป็นการเซ็นชื่อ ไม่ใช่กาบัตร และส่งต่อให้อีกคนเซ็นต่อ

ภาค ปชช.ระแวง ลต.ล่วงหน้าไม่สุจริต

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ห้องอเนกประสงค์ สถาบันไทยคดีศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เครือข่ายประชาชนสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ปี 66 นำโดยนายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการไอลอว์ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน และ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมาย แกนนำกลุ่มราษฎร ฯลฯ ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ เรื่องความเห็นต่อการเลือกตั้งทั่วไปล่วงหน้า-นอกเขต วันที่ 7 พ.ค.66 มีข้อกังวลถึง 4 ประเด็น โดยมีข้อเสนอแนะต่อการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พ.ค.เพื่อให้โปร่งใสเป็นธรรม 1.กกต.ควรชี้แจงจำนวนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่จัดการผิดพลาดและชี้แจงวิธีการแก้ไขอย่างละเอียด พร้อมแสดงหลักฐานให้กระจ่างเพื่อไม่ให้มีกรณีบัตรเขย่ง 2.กกต.ควรประกาศสถานที่นับคะแนนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่จะนับในวันที่ 14 พ.ค.ทั้ง 400 เขต เพื่อให้ประชาชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ 3.ให้ กกต.มีคำสั่งให้เปิดเผยเอกสารจำนวนบัตรที่ได้รับมาก่อนลงคะแนน (แบบ ส.ส.5/5) และจำนวนบัตรเลือกตั้งเมื่อเสร็จสิ้นการออกเสียงลงคะแนน (ส.ส.5/7) บนเว็บไซต์ของ กกต.จังหวัดไปพร้อมกัน และ 4.เน้นย้ำให้ กปน.ให้ภาคประชาชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ ถ่ายภาพกระบวนการจัดการเลือกตั้ง และบันทึกผลคะแนนได้

ไม่เร่งวินิจฉัยปม “พิธา” ถือหุ้นสื่อ

นายแสวงกล่าวถึงกรณีมีการร้องเรียนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถือหุ้นสื่อว่า ยังไม่เห็นคำร้อง เกี่ยวกับคุณสมบัติมีขั้นตอนตามกฎหมาย มีอยู่ 3 ช่วง คือช่วงก่อนวันเลือกตั้ง ช่วงหลังวันเลือกตั้งและช่วงประกาศผลการเลือกตั้ง ก่อนการเลือกตั้งตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 61 ถ้า กกต. ตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่มีคุณสมบัติ ให้ยื่นต่อศาลฎีกาพิจารณา ขณะนี้เหลือเวลาเพียง 2 วัน แต่หากดำเนินการไม่ทัน หลังการเลือกตั้งก่อนการประกาศผล ถ้าเห็นว่าผู้นั้นมีลักษณะต้องห้ามลงรับสมัครรับเลือกตั้ง กกต.จะมีมติให้ดำเนินคดีอาญามาตรา 151 ฐานรู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติในการสมัครแต่ยังลงสมัคร ซึ่งจะไม่เป็นเหตุให้นำไปสู่การไม่ประกาศผลการเลือกตั้ง ต้องประกาศผลให้เป็น ส.ส.ไปก่อน จากนั้นเป็นการดำเนินการหลังประกาศผล มีรัฐธรรมนูญมาตรา 82 กำหนดช่องทางดำเนินการไว้ ทั้งให้ ส.ส.หรือ ส.ว.เข้าชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือ กกต.ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้

ย้ำต้องให้ความเป็นธรรมผู้ถูกกล่าวหา

เมื่อถามว่า ทำไม กกต.ไม่ยื่นให้ศาลฎีกาพิจารณาดำเนินการก่อการเลือกตั้ง เพราะถ้ายื่นหลังการเลือกตั้งจะมีผลกระทบมากกว่า นายแสวงกล่าวว่า ทุกอย่างมีกระบวนการต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา เมื่อมีเรื่องร้องเรียน สำนักงานจะรวบรวมพยานหลักฐาน ต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อกล่าวหา ก่อนนำเสนอให้ กกต.พิจารณา ต้องใช้เวลา เช่น วันที่ 11 พ.ค.หน่วยงานที่ กกต.ขอความร่วมมือตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพิ่งส่งข้อมูลล่าสุดมาให้ พบว่ามีผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อคนหนึ่งถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย แต่ กกต.เห็นว่าจำเป็นต้องให้ความเป็นธรรมและได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติก่อน จึงให้สำนักงานไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า คำสั่งล้มละลายยังมีผลอยู่หรือไม่ ผู้ถูกกล่าวหาได้ต่อสู้อย่างไรหรือไม่ จากนั้นกรรมการค่อยมาพิจารณาเรื่องการยื่นต่อศาล จึงต้องแยกเรื่องกระบวนการให้ความเป็นธรรมกับผลกระทบออกจากกัน

เรียกข้อมูลเพิ่มขอหมื่นล้านอุ้มค่าไฟ

นายแสวงกล่าวอีกว่า ส่วนกรณี ครม.เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานทำเรื่องขอรับงบกลาง สำหรับดำเนินการมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเนื่องจาก กกต.มีประเด็นคำถามที่จะให้สำนักงบประมาณและกระทรวงพลังงานชี้แจงข้อมูลเพื่อประกอบข้อมูลการพิจารณาของ กกต.เพิ่มเติมให้ครบถ้วน ประเด็นเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนหลักการดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ รายจ่ายงบกลางและ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ในการขอใช้งบฯ จึงขอให้กระทรวงพลังงานตอบกลับมาภายใน 2 วัน เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการอีกครั้งในวันที่ 15 พ.ค. จากการสอบถามผู้แทนกระทรวงพลังงาน ระบุว่าหากพิจารณาในวันที่ 15 พ.ค. ไม่กระทบต่อความเร่งด่วนในการดำเนินการ จึงมีมติให้สำนักงบฯ และกระทรวงพลังงานชี้แจงข้อมูลดังกล่าวมายัง กกต.ภายในวันที่ 12 พ.ค. เพื่อให้ กกต.แต่ละคนศึกษาและประชุมพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 15 พ.ค.ช่วงเช้า

“ศรี” ได้เลือดลุงบุกตบปากแตก

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงาน กกต.นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้าให้ข้อมูลเรื่องนโยบายเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยกับ กกต.จากนั้นลงมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความคืบหน้า พร้อมเปิดเผยเรื่องที่กำลังเตรียมร้องให้ตรวจสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กรณีถือครองหุ้น ITV หรือไม่ พอนายศรีสุวรรณแถลงข่าวจบ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร.ที่มายืนต่อคิวให้สัมภาษณ์ต่อ แต่ไม่ทันที่นายเรืองไกร จะให้สัมภาษณ์ ได้เกิดเหตุโกลาหลขึ้นเสียก่อน เมื่อมีชายคนหนึ่งตะโกนด่านายศรีสุวรรณเสียงดังลั่น สื่อมวลชนและช่างภาพเบนความสนใจจากนายเรืองไกร กรูกันไปบันทึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าวแทน

ร้องจ๊ากมีสิทธิอะไรมาชกผม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชายคนดังกล่าวทราบชื่อภายหลังว่า นายทศพล ธนานนท์โสภณกุล อายุ 67 ปี มีภูมิลำเนาใน กทม.กำลังตะโกนด่านายศรีสุวรรณ ที่กำลังยืนปากแตกมีเลือดไหลที่ริมฝีปากล่างว่า “ร้องตะพึดตะพือเลย เป็นประชาธิปไตยร้องตะพึดตะพือ ไปร้องสิเห็นไหมไฟฟ้ามันขึ้นราคา” ขณะที่นายศรีสุวรรณตอบโต้ว่า มันสิทธิของประชาชนอยู่แล้ว คุณเป็นใครมีสิทธิอะไรมาชกผมอย่างนี้ นายทศพลตะโกนสวนกลับว่า “เป็นประชาชน ร้องมันทุกพรรคเลย พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย ร้องมั่วเลย” ระหว่างทั้งคู่ยืนประจันหน้ากัน นายทศพลชี้หน้าด่าฮึดฮัดแบบมีอารมณ์ตลอดเวลา และพยายามปรี่เข้าหานายศรีสุวรรณหลายครั้ง แต่ผู้อยู่ในเหตุการณ์ยื้อยุดห้ามเอาไว้จึงไม่ได้ทำร้ายกันเพิ่มอีก ขณะที่นายศรีสุวรรณกล่าวว่า เดี๋ยวไปเจอกันในศาล จากนั้นตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในอาคารมาแยกออกจากกัน นายศรีสุวรรณให้สัมภาษณ์ว่า ขณะเกิดเหตุกำลังจะเดินออกจากอาคาร ไม่ทราบว่า ชายคนที่มาถ่ายคลิประหว่างให้สัมภาษณ์จะเข้ามาทำร้าย เพราะไม่ได้มาสอบถามหรือพูดคุยก่อนก่อเหตุ จำไม่ได้ว่าเป็นการตบหรือการชกจะไป สน.ทุ่งสองห้องแจ้งความดำเนินคดี

“ลุงทศ” อ้างร้องพร่ำเพรื่อเลยตบ

นายทศพลกล่าวว่า การร้องเรียนของนายศรีสุวรรณ ในเรื่องต่างๆเป็นการขัดขวางการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นการร้องเรียนพร่ำเพรื่อ ผู้สื่อข่าวถามว่า จงใจมาดักรอเพื่อก่อเหตุหรือไม่ นายทศพลตอบว่า มาทำธุระที่ศูนย์ราชการฯ บังเอิญเจอนายศรีสุวรรณ พอดีเลยเข้าไปตบ ไม่ได้มีเจตนามาดักรอ และยินดีถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย

นักร้องคู่หูปลอบให้กำลังใจ

ต่อมานายเรืองไกรเข้าสอบถามนายศรีสุวรรณ เปิดแมสก์ให้ดูบาดแผล ก่อนที่ทั้งคู่ต่างให้กำลังใจกันและกัน จากนั้นนายเรืองไกรเปิดเผยว่า ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันจะเดินหน้าร้องเรียนต่อ เพราะมองว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามระบอบประชา ธิปไตย ไม่นิยมความรุนแรงแต่ไม่ได้อ่อนแอระมัดระวังตัวอยู่เสมอขอให้กำลังใจนายศรีสุวรรณถูกทำร้ายเป็นครั้งที่ 2 ไม่อยากให้เกิดตัวอย่างเช่นนี้ในสังคม คนที่บอกว่าอยากได้ประชาธิปไตย แต่กลับใช้คำหยาบลามก กระทำฝ่าฝืนกฎหมาย

โร่ขึ้น สน.แจ้งเอาผิดถึงที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุนายศรีสุวรรณ เข้าแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง ให้ดำเนินคดีนายทศพล ข้อหาทำร้ายร่างกาย พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวัน สอบปากคำก่อนทำหนังสือส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลประกอบสำนวน นายศรีสุวรรณกล่าวว่า จะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุดไม่มีคำว่าเจรจาต่อรอง หรือยอมรับคำขอโทษใดๆทั้งสิ้น ด้านนายทศพล ผู้ก่อเหตุถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปให้ปากคำที่ สน.ทุ่งสองห้องเช่นกัน โดยนายทศพลกล่าวว่า พร้อมสู้คดี ไม่ได้กระทำเกินกว่าเหตุ เป็นการสั่งสอน ขณะเจ้าหน้าที่แจ้งว่า พยานหลักฐาน ตอนนี้ยังไม่มีคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้ได้ ต้องนำตัวนายทศพล ไปทำใบบันทึกประจำวัน เพื่อนำกลับมาขอคลิปกล้องวงจรปิดจากศูนย์ราชการฯ

“เรืองไกร” ยื่นเพิ่มสอย ก.ก.ยกพวง

นายเรืองไกร ให้สัมภาษณ์ว่าได้เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ กกต.กรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ก.ก.ได้นำข้อบังคับพรรค ก.ก.มายื่นเพิ่มเติม และจับประเด็นว่านายพิธาจะพ้นจากสมาชิกและหัวหน้าพรรคหรือไม่ เพราะข้อบังคับ ก.ก.ข้อ 12 ระบุว่าสมาชิกต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) และเมื่อวันที่ 3-7 เม.ย.นายพิธาเซ็นรับรองการสมัคร ส.ส. เกือบ 400 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขอให้ กกต.ตรวจสอบเพิ่มเติมว่า การยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้ กกต.ดำเนินกฎหมายต่อไป กกต.ต้องถอดสมการว่าการเป็นหัวหน้าพรรคพ้นไปหรือยัง แล้วนายพิธาให้สัมภาษณ์ด้วยว่าเรื่องหุ้นสื่อรู้มาตั้งนานแล้ว

ภท.ฟ้อง “ชูวิทย์” เรียกร้อยล้าน

ที่ศาลแพ่ง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) มอบอำนาจให้ น.ส.ณัฐชนิกานต์ เกตุคำขวา นายพิชัย เอี่ยมอ่อน ทนายความ เดินทางมายื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักเคลื่อนไหว อดีตนักการเมืองในความผิดฐานละเมิด เรียกค่าเสียหายจำนวน 100 ล้านบาท พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามนายชูวิทย์ไปข่มขู่คุกคาม หรือเข้าใกล้เวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคภท.ที่บริเวณห้างโชว์ดีซี พระราม 9 ในวันศุกร์ที่ 12 พ.ค. เวลาตั้งแต่ 13.00-19.00 น. สืบเนื่องจากเหตุการณ์นายชูวิทย์ไปป่วนประชิดเวทีปราศรัยและข่มขู่คุกคามพรรค ภท.ที่บริเวณลานกีฬาตรงข้ามแฟลตดินแดง ภายหลังการยื่นคำฟ้อง ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำ พ.2176/2566 นัดพิจารณาคดีวันที่ 3 ก.ค.66 เวลา 13.30 น. ต่อมาช่วงบ่าย ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ขอคุ้มครองชั่วคราวตามที่มีคำขอ

“บิ๊กบี้” วอนสื่อโละคำว่าปฏิวัติทิ้ง

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ว่าให้กำลังพลระมัดระวังอย่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้งไม่ว่าด้านใด สถานการณ์หลังเลือกตั้งไม่ห่วง เรามีบทเรียนมามากแล้วระบอบประชาธิปไตยต้องเดินไป แต่ทุกคนต้องมีสติว่าอะไรควรไม่ควร บ้านเมืองต้องการความสงบเรียบร้อยเจริญ เศรษฐกิจดี แต่ถ้าเราคิดจะขัดแย้ง ก่อความวุ่นวาย บ้านเมืองและคนส่วนใหญ่เดือดร้อน การเปลี่ยนแปลงต้องดีขึ้น อย่าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี เมื่อถามว่าไม่มีการปฏิวัติหลังเลือกตั้งใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ตอบว่า คำพวกนี้บอกนักข่าวไปหลายครั้งแล้วว่า ไม่ควรพูดไม่ควรถามและไม่ควรเขียน จะปลุกความคิดที่ขัดแย้งต่อเนื่อง คำพวกนี้มันควรไม่มีแล้ว ควรลบออกไปจากพจนานุกรมของผู้สื่อข่าว เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล พล.อ.ณรงค์พันธ์ตอบว่า เป็นเรื่องสถานการณ์ในอนาคต ถือเป็นเรื่องของนักการเมืองที่จะไปจับขั้วกันจัดตั้งรัฐบาล ทหารข้าราชการประจำ ไม่ใช่ข้าราชการการเมือง

“พี่ตู่” อ้อนคนเมืองคอนเชื่ออีกครั้ง

เมื่อเวลา 09.45 น. ที่ จ.นครศรีธรรมราช พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลาราชการ นั่งรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด ทะเบียน ฆ-3478 กรุงเทพฯลงพื้นที่หาเสียงช่วย 10 ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราชพร้อมแกนนำพรรค จุดแรกพบปะประชาชน ที่ลานหน้าโรงเรียนสตรีปากพนัง อ.ปากพนัง โดย พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องการให้ได้ ส.ส.มากที่สุดเข้าไปในสภาฯ เพื่อให้เป็น ครม.ที่แข็งแรง ทำงานได้เร็วขึ้น ที่ผ่านมาทำงานร่วมกับหลายพรรคหลายคนหลายพวก คุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เชื่อใจมาแล้วครั้งหนึ่งขอให้เชื่อใจตนอีกครั้ง รับราชการทหารมาเกือบ 40 ปี เต็มๆ แต่จำเป็นต้องเข้ามาดูแลบ้านเมือง ถ้าการเมืองดีอยู่แล้วตนไม่ต้องเข้ามา ต้องการอำนาจเหรอ มีอำนาจแต่มีงานที่ต้องรับผิดชอบเยอะมากกว่า

ออกตัวลุงไม่ใช่ศัตรูของหลาน

ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่โรงเรียนชะอวด อ.ชะอวด พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีหาเสียงว่า สิ่งที่ทำมาตลอดคือทำด้วยความตั้งใจจริง เครียดเหมือนกัน เพราะใช้เวลานานแก้ปัญหาเดิมๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องมี ส.ส.ให้มากขึ้น เขาเสนอตนเป็นนายกฯได้ เราต้องสร้างโอกาสที่ดีให้ลูกหลาน ต้องไม่ทำให้ลูกหลานลำบากต่อไป แต่ต้องแก้ให้ถูกวิธี ถ้าแก้ไม่ถูกวิธีทำไม่ได้ กลายเป็นปัญหา สร้างความขัดแย้ง พรรค รทสช.ไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินเพื่อลูกหลาน เราต้องการทุกเสียง ไม่ว่าจะคนรุ่นไหนฟังหมด แต่ต้องมาดูว่าอะไรทำได้ อะไรที่ยังทำไม่ได้ ถามว่าการเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ไหม ขณะที่ครอบครัวทะเลาะกันไม่ได้ ต้องให้เกียรติเคารพกัน ขอแค่นี้เอง ส่วนเขาจะคิดอะไรค่อยๆทำความเข้าใจกันไป บางอย่างรับได้ บางอย่างยังรับไม่ได้เท่านั้นเอง บอกน้องๆลูกหลานด้วย “ลุงไม่ใช่ศัตรูของหลาน ศัตรูตนมีอย่างเดียวคือความไม่ซื่อสัตย์สุจริต คนทุจริต คนคดโกง ผมไม่คอร์รัปชัน ไม่เคยได้เงินจากการเป็นนายกฯ นอกจากเงินเดือนเท่านั้น”

โชว์ผลงานทำเสร็จ 200 โครงการ

ช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่หาเสียงที่โรงเรียนร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ และสนามหน้าอ.ทุ่งสง ระบุว่า ถนนหนทางถือว่ายุคตนเสร็จมากที่สุด ทำได้มากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา 3 เท่าเต็มๆ โครงการต่างๆเท่าที่นับทำสำเร็จเกือบ 200 โครงการทั่วประเทศ เงินที่เป็นหนี้ในโครงการก่อนๆค้างไว้ให้เต็มไปหมด แต่ไม่พูดไม่ว่าใคร ที่เป็นหนี้อยู่คือการลงทุน วันนี้ทหารถูกโจมตีไปหมด มันดีหรือถ้าไม่มีทหารจะอยู่กันได้หรือไม่ ทหารดูแลชายแดน เสี่ยงอันตรายให้เรา ขาแขนขาด ทุกคนเป็นลูกหลานเราทั้งนั้น ช่วยเหลือบรรเทาภัยพิบัติด้วยความเต็มใจ ที่พูดไม่ได้หมายความว่าจะต้องทุ่มเทงบฯให้ เพียงแต่ให้เขาอยู่ได้ ป้องกันตัวเองได้ หลายคนบอกไม่ต้องไปซื้อเรือรบ ให้เอาเรือประมงมาสู้กับเรือดำน้ำ เอาปืนใหญ่ใส่เรือขับเรือไปสู้กับเขา มันพูดอย่างนี้ไม่ได้ ข้าราชการทุกคนมีเกียรติ ทุกคนเสียภาษี เกษียณอายุแล้วควรมีบำเหน็จบำนาญ บอกพวกเขาเป็นช้างป่วยไปดูถูกอย่างนี้ไม่ได้ ไม่ได้ทะเลาะกับเขา แต่พูดแบบนี้ทำให้บาดหมางซึ่งกันและกัน ช้างอย่างพวกเราต้องแข็งแรง ต้องเป็นช้างศึก

ได้ ส.ส.เขตน้อยกลับบ้านนอน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ด่ากันทุกวันไม่มีอะไรดีขึ้น ทะเลาะกัน ไอ้ที่ด่ากันไปกันมา เข้าตัวหมด จำไว้อย่าไปสาปแช่งใคร ให้แต่ความรักแผ่เมตตาไปให้เขา ไปไหนตนไหว้พระ ไหว้เจ้าทุกที่ ใครจะหาว่าเป็นสายมูไม่เป็นไร ขอให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ปลอดภัย ประชาชนมีความสุข แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ที่เราเกิด ที่ทำมาหากิน เราจะตายที่นี่ ไม่ได้ไปตายนอกประเทศ ไม่ได้ว่าใคร บางคนออกไปทำธุรกิจนอกประเทศ อาจไปตายที่นั่นก็ได้ ไม่ยุ่งกับใครอยู่แล้ว มาเพราะต้องการให้ประเทศสงบเรียบร้อย ไม่สงบมา 10 กว่าปีแล้วอย่าทะเลาะกันอีกเลย สัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด แต่ถ้าได้ ส.ส.เขตน้อย ลุงตู่ก็กลับบ้านนอน แล้วอย่าคิดถึงเวลาไม่อยู่ อย่าร้องไห้นะ ทั้งหมดอยู่ที่พวกเรา จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์สักการะศาลหลักเมืองนครศรี ธรรมราช และขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่สนามหน้าเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช

โอดโดนด่าเละเทะอะไรก็ลุง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ครอบครัวตนไม่ร่ำรวยมากมายอยู่ได้ มีลูก 2 คน หลานไม่มี ครอบครัวมีอยู่ 4 คนเท่านั้น ไม่ได้กินมากมาย ไม่ได้กินหูฉลาม จะรวยอะไรนักหนา มีเงินเป็นหมื่นล้านแสนล้านตายเอาไปได้ไหม แผ่นดินผืนนี้ให้เราทั้งเกิด แก่ เจ็บ ตาย เราต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน จะหัวขวาน ด้ามขวาน นี่คือประเทศไทย วันนี้เกิดอะไรขึ้นตนโดนด่าหมด ด่าทั้งวัน อากาศไม่ดีก็ลุงตู่ รถติดก็ลุงตู่ อะไรก็ลุงตู่ แต่รับได้หมด เพราะเป็นคนรักประชาชน ด่ามาเถอะครับรับได้ ไม่ต้องการคำชม ต้องการคำชี้แจง ข้อเท็จจริง สำหรับประเทศไทยตนเป็นทุกอย่างให้ท่าน จะโกรธจะเกลียด ตนก็รักท่าน เพราะตั้งใจทำให้ทุกคน พรรคเราผสมผสานคนรุ่นเก่ารุ่นใหม่จะได้ไปด้วยกันไม่ขัดแย้งกัน ถ้าใหม่ทั้งหมดประสบ การณ์จะน้อย และวันที่ 14 พ.ค.ฝากหัวใจไว้กับชาวชะอวดด้วย

“วิทยา” ปัด รทสช.ลอยแพผู้สมัคร

นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะประธานภาคอีสาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ผู้สมัคร ส.ส.เลย เขต 1 นำผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสาน 10 คน บุกทวงค่าใช้จ่ายหาเสียงเลือกตั้งว่า พรรคดูแลผู้สมัครทุกคนตามกฎหมาย ที่บอกว่าไม่เพียงพอต้องถามกลับว่าต้องการกันเท่าไหร่ ผู้สมัคร ส.ส.ไม่ได้บอกมาแต่ได้ย้ำว่าต้องใช้จ่ายตามกฎหมาย เพราะในชีวิตตนไม่เคยทำนอกเหนือกฎหมาย และได้จัดสรรงบฯหาเสียงเท่าเทียมกันและพอเพียง กฎหมายล็อกไว้หมดแล้ว เกินจากนี้ใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าจะมีให้ถึง 20-30 ล้านบาท ยืนยันไม่ได้มีการลอยแพ และไม่รู้ว่าเกิดจากตรงไหน นายปรีชาเคยอยู่พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรคไทยสร้างไทย อาจจะคิดมาก ส่วนที่มีข่าวผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ และ จ.พัทลุง จะรวมตัวมาพบ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ทราบรายละเอียด แต่เป็นธรรมดาที่มีบ่นพึมพำบ้าง เพราะอยากได้เงินสนับสนุนมากๆ ซึ่งมันไม่ได้

พปชร.ยก 5 ข้อ “ป้อม” เหมาะนั่งนายกฯ

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ เปิด 5 คุณสมบัติของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เหมาะสมจะก้าวสู่ตำแหน่งนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย คือ 1.ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อผ่านการเลือกตั้งตามวิถีประชาธิปไตย เป็นนายกฯที่มาจากประชาชน สง่างาม 2.เป็นมือประสาน 10 ทิศ สามารถทำงานกับฝ่ายการเมืองได้กับทุกพรรค ทุกฝ่าย 3.สามารถทำงานกับข้าราชการ และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ 4.เป็นผู้มากบารมี สามารถเชื้อเชิญบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ มาร่วมกันแก้ปัญหาประชาชน และ 5.พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯที่ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ เกิดความมั่นคงตลอดระยะเวลา 4 ปี โดยไม่ต้องเปลี่ยนตัวผู้นำกลางคัน ถือความพร้อม แม้จะเดินช้าแต่ระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ขาทั้งสองข้างของท่าน ได้ลงพื้นช่วยเหลือประชาชนทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ขอเพียงพี่น้องประชาชนเปิดใจเลือก พล.อ.ประวิตร และเลือกพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาทำหน้าที่

ชทพ.มั่นใจสุพรรณไม่โดนเจาะ

ที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) สาขาจ.สุพรรณบุรี นายสรชัด สุจิตต์ ผู้สมัคร ส.ส. สุพรรณบุรี เขต 1 พรรค ชทพ.เปิดเผยว่า ถึงเวลานี้ยังเชื่อว่าในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ชทพ.ต้องไม่พลาด ยังได้รับความนิยม เพราะพรรคอื่นมาทางออนไลน์ เราคลุกคลีอยู่ในพื้นที่ เรายังเชื่อมั่นทำงานในพื้นที่เหมือนเดิม วันที่ 12 พ.ค.นี้ จะแบ่งสายเดินหาเสียง 18 โซน ปูพรมใน จ.สุพรรณบุรี ไปพร้อมกัน ส่วนผลโพลออกมาว่า สุพรรณบุรีเขต 1 เป็นจุดเสี่ยงที่ ชทพ.อาจเพลี่ยงพล้ำวันที่ 14 พ.ค.รู้กัน เราทำงานด้วยผลงาน และทำเพื่ออนาคตอย่างยั่งยืน คือสิ่งที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรค สอนพวกเรามา

ปชป.ย้ำนโยบายแก้จน 6 ด้าน

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายเกียรติ สิทธีอมร คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ แถลงข่าวเรื่องหนี้ครัวเรือน โดยนายพิสิฐกล่าวว่า พรรค ปชป.เสนอ 6 แนวทาง คือ 1.แก้หนี้ครัวเรือนโดยอัดฉีดเงินหนึ่งล้านล้านบาท 2.กำกับตรวจสอบการชักจูงให้ประชาชนก่อหนี้ได้ง่ายเกินไป 3.ลดยอดหนี้โดยหักจากเงินเดือนไม่เกิน 4 เปอร์เซ็นต์ให้เหลือใช้ 4.ปลดล็อกนำเงินจากสหกรณ์ออมสิน กบข. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อลดหนี้บ้าน 5.ปรับโครงสร้างหนี้แก้ไขกฎหมายเช่าซื้อที่ไม่เป็นธรรม การเช่าซื้อรถยนต์และมอเตอร์ ไซค์กรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ขาย จะทำให้ความเป็นเจ้าของเป็นของลูกหนี้ ใช้เป็นหลักประกันได้ และ 6.แก้ไข พ.ร.บ.ล้มละลาย ให้ประชาชนฟื้นฟูหนี้ได้และแก้ พ.ร.บ.เช็ค ยกเลิกโทษจำคุกให้มีเฉพาะคดีทางแพ่ง

ตีปี๊บเป็น รบ.ลดค่าไฟ-น้ำมัน

ด้านนายเกียรติกล่าวว่า หากพรรค ปชป.เป็นรัฐบาลจะลดรายจ่ายใน 90 วัน คือ ลดค่าไฟ 1-1.5 บาท ยกเลิกค่าเอฟที ปรับราคาก๊าซป้อนโรงไฟฟ้าและค่าผ่านท่อให้เป็นธรรม กำหนดสัดส่วนการผลิตระหว่างรัฐกับเอกชน แก้ปัญหากำลังการผลิตสำรองเกิน ทบทวนราคา สัญญารับซื้อไฟฟ้าและการนำเข้าจากต่างประเทศ ส่วนค่าน้ำมันจะลดได้ 2-3 บาทต่อลิตร กำกับค่าการกลั่น ค่าการตลาดให้เป็นธรรม ทบทวนโครงสร้างราคาและภาษีให้สะท้อนต้นทุนจริง ทบทวนเงินเข้ากองทุน ทบทวนการกำหนดราคาไบโอดีเซลและแก๊สโซฮอล์ และจะลดจากก๊าซหุงต้มลดลง 80-100 บาทต่อถัง (15 กก.) ตรวจสอบปริมาณการผลิต นำเข้าและใช้ในประเทศจริง ตรวจสอบต้นทุนและปริมาณที่ผลิตในประเทศ ทบทวนสูตรคำนวณราคาทุกกลุ่มผู้ใช้ แก้ปัญหาการลักลอบไปต่างประเทศ ยกเลิกสิทธิพิเศษกับทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ปชป.จะลดหนี้ครัวเรือนจาก 87 เปอร์เซ็นต์เหลือน้อยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี โดยไม่สร้างหนี้สาธารณะ ไม่เป็นภาระลูกหลาน เราแก้หนี้ได้โดยไม่ต้องใช้งบฯต่างจากหลายพรรค

“มาร์ค-ตั๊น” ปลุกเลือดฟ้าช่วย “ศิริโชค”

วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร รองเลขาธิการพรรคและผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพรรค ปชป. ได้ลงพื้นที่เพื่อรณรงค์หาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายให้นายศิริโชค โสภา ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 7 พรรค ปชป.ที่ตลาดสด ต.ลำไพล อ.เทพา จ.สงขลา โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ชาวสงขลาผูกพันกับพรรคปชป.เสมอมา โดยเฉพาะนายศิริโชคเคยเป็น ส.ส.สงขลาหลายสมัย เคยเป็นเลขานุการส่วนตัวสมัยเป็นนายกฯ กรีดเลือดออกมาเป็นสีฟ้า เชื่อมั่นว่า การมารอบนี้เลือดชาวสงขลาทุกคนยังเป็นสีฟ้าเหมือนเดิม โค้งสุดท้ายนี้ขออย่าลังเลใจ รวมพลังช่วยสนับสนุน ปชป.ให้กลับมาช่วยกันสร้างบ้านหลังนี้ ให้เป็นสถาบันทางการเมือง เป็นหลักให้บ้านเมืองอย่างยั่งยืนต่อไป

ด้าน น.ส.จิตภัสร์กล่าวว่า พรรค ปชป.ได้รับความไว้วางใจจากชาวสงขลามายาวนาน ล่าสุดจากเลือกตั้งนายก อบจ.เลือกตั้งซ่อม ส.ส.ได้ผู้แทนหญิงคนแรกของสงขลามาทำงานในสภา ขอให้พี่น้องชาวสงขลาทุกคนช่วยกันกาบัตรทั้ง 2 ใบขอให้ยกจังหวัดทั้ง 9 เขต และบัตรสีเขียวเลือก ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. เพื่อเราจะได้ผู้แทนประชาชนไปทำงานรวมกับ ส.ส.เขตในสภาฯ รับใช้พี่น้องชาวสงขลาต่อไป

“สุวัจน์” ลั่นโคราชไม่พลาด 4 เขต

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) พร้อมด้วยนายวัชรพล โตมรศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 2 ขึ้นรถแห่หาเสียงในพื้นที่ โดยนายสุวัจน์กล่าวว่า ช่วงโค้งสุดท้ายพรรค ชพก.เร่งเดินหน้าพบประชาชนเสนอนโยบายเศรษฐกิจปากท้องเป็นหลัก เพราะหลังเลือกตั้งจะมีการเปลี่ยนแปลง ส.ส.และคณะผู้บริหารรัฐบาลชุดใหม่ ส่วนกรณีมีมือดีทำใบปลิวโจมตีนายเทวัญ ลิปตพัลลภ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ของพรรคเป็นเรื่องปกติ ต้องฝาก กกต.ให้สอบสวนสืบสวนหาผู้ทำผิดมาดำเนินคดี เราไม่ย่อท้อผ่านการเลือกตั้งมา 7-8 ครั้งแล้ว ถือว่าเฉยๆ “คนโคราช รักจริงไม่ทิ้งกัน” พรรคชพก.ตั้งเป้าโคราชต้องได้อย่างน้อย 4 เขต คือ เขต 1, 2, 3 และเขต 4

พท.ปิดชั้น 7 รวมแกนนำรอฉลองชัย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า วันเลือกตั้ง 14 พ.ค. เมื่อแกนนำพรรค พท.ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว หลังปิดหีบเลือกตั้งแกนนำพรรคนำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ รวมทั้งกรรมการบริหารพรรค จะทยอยเดินทางเข้าพรรคเพื่อติดตามผลการนับคะแนนตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป โดยพรรคได้เปิดศูนย์ติดตามผลการเลือกตั้งที่ชั้น 7 ของที่ทำการพรรค จะติดตั้งจอมอนิเตอร์ติดตามผลการนับคะแนนผ่านผู้สังเกตการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้ง มีผู้ประสานงานแต่ละเขตเลือกตั้ง คอยส่งผลนับคะแนนเรียลไทม์เข้ามาเป็นระยะ นำมาเปรียบเทียบกับผลการนับคะแนนของเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยเลือกตั้ง จะสรุปเป็นสองรอบเวลา 19.00 น. และเวลา 20.00 น. พอจะคาดการณ์ได้ว่าพรรคจะได้ ส.ส.เท่าใด แกนนำพรรคและสมาชิกต่างเชื่อมั่นว่าพรรค พท.จะได้ ส.ส.มากที่สุดทะลุเกิน 200 เสียงแน่นอน แต่จะมาร่วมกันลุ้นว่าจะเกิน 250 เสียงขึ้นไปจนแตะ 300 เสียงตามเป้าหมายที่วางไว้ในการตั้งรัฐบาลพรรคเดียวหรือไม่ และจะติดตั้งจอมอนิเตอร์ไว้ด้านล่างของที่ทำการพรรคให้กองเชียร์และกลุ่มผู้สนับสนุนได้ร่วมลุ้นผลการนับคะแนนไปพร้อมกัน

กระตุ้นมโนธรรม ส.ว.โหวตนายกฯ

นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรค (พท.) กล่าวว่า การโหวตเลือกนายกฯของ ส.ว. ต้องไม่อยู่ในความผูกมัดหรือความครอบงำใดๆควรปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ แม้ ส.ว.มีที่มาจากใครหรืออำนาจใดก็ตาม แต่โดยหลักการของรัฐธรรมนูญถือเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยไม่ควรกระทำการใดขัดต่อมติมหาชน ส.ว. 250 คน ควรมีมโนธรรมสำนึกในฐานะผู้แทนปวงชน ไม่ใช่ทำเพื่อตอบแทนบุญคุณใคร หาก ส.ว. 250 คนโหวตให้ผู้มีส่วนในการแต่งตั้งตนเองเข้ามาอาจเข้าลักษณะเอื้อประโยชน์ระหว่างกันขัดหลักประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐ ทางออกดีที่สุด ส.ว.ควรคำนึงถึงเจตจำนงประชาชน เพื่อพาประเทศเดินไปข้างหน้า หากตัดสินใจโหวต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ถ้าเกิดความเสียหายตามมาย่อมเป็นความรับผิดชอบทางการเมืองของ ส.ว.

“เจ๊หน่อย” ไม่ขัดแย้งแจก “ยากันลุง”

ที่ตลาดอุดมสุข คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พร้อมนายปณิธาน ประจวบเหมาะ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 23 กทม.พรรค ทสท.ลงพื้นที่พบปะพ่อค้าแม่ค้า โดยคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า วันนี้เรามาเดินแจก “ยากันลุง” เป็นนโยบายของพรรค ไม่ว่าลุงไหนไม่สามารถกลับมาได้อีก เป็นจุดยืนที่ถูกใจพ่อค้าแม่ขายชาวบางนา หากเลือกพรรค ทสท.ลุงกลับมาไม่ได้แน่นอน ด้วยสโลแกน “ไทยสร้างไทย ไม่เอาลุง ไม่เอาความขัดแย้ง” เป็นแคมเปญปราศรัยใหญ่วันที่ 12 พ.ค.หากเลือกคู่ขัดแย้งเดิมพรรคเดิมขั้วเดิม ความขัดแย้งจะวนเวียนกลับมาอีก พรรค ทสท.จะปิดสวิตช์รัฐประหาร ด้วยการสร้างรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ตัวแทนประชาชนร่าง มีบทบัญญัติชัดเจนว่า ผู้ทำรัฐประหารคือกบฏต้องได้รับโทษสูงสุด และจะเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแก้หนี้เติมทุน สร้างโอกาส ดูแลประชาชน ตั้งแต่เกิดจนแก่

ฝากขังม็อบบุก สน.สำราญราษฎร์

ที่ สน.ทุ่งสองห้อง เวลา 14.00 น. พนักงานสอบสวน สน.สําราญราษฎร์ เบิกตัว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม ไปขออำนาจศาลอาญา เพื่อฝากขังเป็นผัดแรก ข้อหาร่วมกันบุกรุกโดยไม่มีเหตุอันสมควรฯ ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ฯ ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธตั้งแต่สองคนขึ้นไปฯร่วมกันทำลายทรัพย์สินของทางราชการฯ กรณีรวมตัวกันบุก สน.สำราญราษฎร์เมื่อค่ำวันที่ 10 พ.ค. โดย น.ส.อรวรรณตะโกนว่า เยาวชนอายุ 15 ปี ต้องอยู่ในคุกเพราะมาตรา 112 มา 44 วันแล้ว อีก 5 วัน น้องจะเปิดเทอมแล้ว ศาลมีคำสั่งให้นำตัวกลับไปคุมขังที่ สน.ตามเดิม เพื่อรอฟังคำสั่งศาลต่อไป ขณะเดียวกันนายนภสินธุิ์ ตรีรยาภิวัฒน์ นายณัฐพล เหล็กแย้ม นายธีรภัทร ระดับแก้ว นายจิรภาส กอรัมย์ นายสิทธิชัย ปราศัย นายรณชัย ห้างชัยเจริญ นายศุทธวีร์ สร้อยคำ ที่ถูกคุมตัวอยู่ สน.ฉลองกรุง กับ สน.ลาดกระบัง เจ้าหน้าที่ตำรวจทยอยคุมตัวไปยังศาลอาญา เช่นเดียวกัน